'หุ้น OR' ราคาหุ้น พุ่งแรงทะลุ100%แตะ 36.50 บาท
"หุ้น OR" ราคาหุ้น พุ่งแรงทะลุ 100 % แตะ 36.50 บาท จากราคาไอพีโอ โนมูระ พัฒนสิน แจงนักลงทุนเก็งกำไรกองทุนเตรียมเข้าซื้อกว่า 5 พันล้านบาท จากเข้าดัชนี “เอ็มเอสซีไอ -เซ็ท50- เซ็ท100 ”ด้วยเกณฑ์ฟาสต์แทร็ก
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR วานนี้ (15ก.พ.)ปรับตัวขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดซื้อขายโดยทำจุดสูงสุดที่ 36.50 บาท เพิ่มขึ้น 7.25 บาท หรือ 24.78% แต่หากเทียบกับราคาไอพีโอ ที่ 18 บาท เพิ่มขึ้น 18.50 บาท หรือ 102.77 %ก่อนที่จะย่อตัวกลับมาปิดตลาดที่ 34 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาทหรือ 16.24% ซึ่งหากเทียบกับราคาไอพีโอ เพิ่มขึ้น 16 บาท หรือ 88.88% จากนักลงทุนเก็งกำไรจากOR เตรียมเข้าคำนวณดัชนีSET 50 ,SET100 และ MSCI ทำให้จะมีแรงซื้อจากกองทุนลงทุนตามน้ำหนักดัชนีดังกล่าว
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน- กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS กล่าวว่า ราคาหุ้น OR ปรับตัวขึ้นแรงวานนี้ จากตอบรับข่าวการเข้าคำนวณในดัชนีSET 50 และ SET100 ด้วยเกณฑ์ Fast-trackในวันที่ 17 ก.พ. 2564 ทำให้คาดว่าจะมีแรงซื้อจากกองทุน Passive Fund เข้าซื้อเพื่อปรับน้ำหนัก ประมาณ 1,535 ล้านบาท
รวมถึงการเข้าคำนวณในดัชนี MSCI จะมีผลในการปรับน้ำหนักในวันที่ 25 ก.พ.2564คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าซื้อ ORราว 129.5 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3,885 ล้านบาท
ทั้งนี้จากที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงจากการตอบรับข่าวการเข้าคำนวณดัชนีทั้งSET50 ,SET100 และMSCI มากเกินไปทำให้ราคาหุ้นสูงกว่าราคาเหมาะสมที่บริษัทประเมินไว้ ซึ่งหากราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้ต่อจะต้องมีปัจจัยบวกเช่นการเข้าคำนวณในดัชนี ฟุตซี่ ซึ่งขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะได้เข้าหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการติดแคชบาลานซ์ จึงไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อลงทุน เพราะ ราคาสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานมากแล้ว แต่หากประกาศผลการดำเนินงานปี 2563 ที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ออกมาดีกว่าคาดมากๆ มีโอกาสทำให้ค่า P/E ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 40 เท่าก็ อาจจะไม่ติดแคชบาลานซ์ ส่วนนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำให้มีล็อกขายทำกำไร
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น OR ปรับตัวสูงขึ้น ด้วยสภาพคล่องในระบบที่สูงและคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตมีแนวโน้มเติบโต โดยข้อมูลบลูมเบิร์กจากความเห็นของ 5 บล.คาดการณ์กำไรในปี 2564 อยู่ที่ 10,922 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 32% และเพิ่มขึ้น 16%ในปี 2565 อยู่ที่ 12,705 ล้านบาท เพราะธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
พร้อมกันนี้ การที่ หุ้น OR จะสามารถเข้าคำนวณ 3 ดัชนี ได้แก่ SET 50 ,MSCI World Index และดัชนีFTSE ทำให้กองทุนที่เป็น Passive Fund ที่ต้องตามดัชนีสำคัญต่างๆ เข้าซื้อหุ้น OR เพิ่มด้วย คาดว่า ในเบื้องต้น เฉพาะกองทุน Passive (ที่มีชื่อว่า SET 50) มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ในเดือนม.ค.2564 ราว 5 หมื่นล้านบาท น่าจะมีแผนเข้าลงทุนราว 2-3% ของ AUM หรือเป็นเม็ดเงินเข้าลงทุนเฉลี่ย 1 -1.5 พันล้านบาท แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ราคาและมูลค่าตลาดในวันเข้าคำนวณในดัชนี
อย่างไรก็ตามด้วยราคาหุ้น OR ที่ปรับค่อนข้างเต็มมูลค่าแล้ว แนะว่านักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน และอาจต้องระวังกองทุนประเภท Active Fund ที่เข้ามาลงทุนตามกองทุน Passive Fund หากราคาหุ้นเริ่มมีแนวโน้มปรับตัวลงอาจมีแรงขายปรับพอร์ตของกองทุน Active Fund ได้เช่นกัน
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส และนักกลยุทธ์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) กล่าวว่า อัพไซด์ของหุ้น OR น่าจะเริ่มจำกัดแล้ว ถึงแม้ OR จะเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและมีแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตดี กำไรในปีนี้คาดไว้ที่ 12,000 ล้านบาท เติบโต50% จากปีก่อนและยังมีแนวโน้มกำไรในปี 2565 เติบโตดีต่อเนื่อง
ทั้งนี้ที่ระดับราคาหุ้นในปัจจุบันเป็นการลงทุนเพื่อเก็งกำไรเท่านั้น และนำขายมากกว่า และถึงแม้ว่าการที่ OR จะถูกคำนวณเข้าดัชนี ต่างๆ อาจมีแรงซื้อเข้ามาแต่อาจไม่มีแรงซื้อต่อเนื่อง จึงไม่อยากให้นักลงทุนให้น้ำหนักการลงทุนด้วยปัจจัยนี้มากนัก