ก้าวไกล เปิดข้อมูล 'เซฟเฮ้าส์หรูนายกฯ' ไม่พบแจงทรัพย์สิน
ก้าวไกล เปิดข้อมูล'เซฟเฮ้าส์หรูนายกฯ' ไม่พบแจงทรัพย์สิน ส่อรับประโยชน์เกิน 3 พัน – เลี่ยงภาษี
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในประเด็นการทุจริตในหน้าที่ 3 ข้อ
1.ทำผิดกฎหมายประมวลรัษฎากร หนีภาษี 2.ทำผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับผลประโยชน์อื่นใดเกินที่กฎหมายกำหนด และ3.มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูลส่วนตัวเพื่อหนีการตรวจสอบ และเข้าข่ายให้ข้อมูลเท็จต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ แม้จะไม่มีความผิดโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่นั่นคือการวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียว คือประเด็นต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ จากการพักอาศัยอยู่บ้านหลวงในกองทัพบก แต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีอำนาจวินิจฉัยความผิดตามกฎหมายอื่น นั่นคือความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. ความผิดตามกฎหมายอาญาเกี่ยวกับภาษี ซึ่งพฤติการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์มีความผิดตามกฎหมายทั้งสองข้างต้นอย่างชัดเจน
ตนไปทำการสืบค้นจนพบข้อพิรุธในการปกปิดข้อมูลของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อป.ป.ช.เมื่อปี 2557 ว่าอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 14 ซ.ร่วมมิตร ถ.ย่านพหลโยธิน สามเสนใน กทม. ทั้งๆที่ตอนนั้นพล.อ.ประยุทธ์เป็น ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อยู่บ้านพักในค่ายแล้ว
ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ยื่นคำให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่าอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 253/54 กรมทหารราบที่ 1 ซึ่งสอดคล้องกับที่กองทัพบกให้การ แต่ทว่ากรรมาธิการป.ป.ช.ได้ตรวจสอบไปยังการไฟฟ้านครหลวง ได้รับคำตอบกลับมาว่าไม่พบว่ามีบ้านเลขที่นี้อยู่ในกรมทหารราบที่ 1
นางอมรัตน์ กล่าวว่า ในหนังสือชื่อ “ลับลวงพราง 5 ศึกชิงอำนาจผ่าแผนปฎิบัติการเลือด” ตีพิมพ์เมื่อเดือนเม.ย.2555 ในบทที่ 68 ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ แท้ที่จริงแล้วอาศัยอยู่ในเซฟเฮ้าส์เลขที่ 702 ในค่ายทหาร ตั้งแต่ยังเป็น ผบ.ทบ.จนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็นับเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว
และในหนังสือดังกล่าว ยังเขียนถึงเรื่องเกี่ยวกับบ้านเซฟเฮาส์เลขที่ 702 เอาไว้อีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สร้างบ้านพักหลังนี้บนเนื้อที่เกือบ 3 ไร่ ที่จะเป็นทั้งบ้านพัก ห้องประชุมใหญ่ ห้องประชุมลับ ห้องรับรอง ห้องจัดเลี้ยงวอร์รูม และเซฟเฮ้าส์ที่พร้อมสรรพและทันสมัย ในแบบประชุมทางไกลผ่านดาวเทียมจากที่ไหนในโลกก็ได้
และที่ผ่านมา 3 ป. ได้ใช้บ้านพักหลวงแห่งนี้เป็นที่ประชุมทางการเมืองมาตลอด เป็นที่ประชุมลับในช่วงวิกฤต เป็นการสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์มีแผนที่จะอยู่ในอำนาจยาวนาน และรู้ด้วยว่าจะต้องพบเจอภารกิจใดบ้างนับจากนี้ นอกจากนี้ วาสนายังได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ร.1 รอ. และเซฟเฮาส์เลขที่ 702 จะเป็นสถานที่ให้กำเนิดและตัดสินชะตาบ้านเมืองอีกครั้งก็เป็นได้
“อิฐทุกก้อน กระเบื้องทุกแผ่น ของคฤหาสน์บ้านหลวงริมน้ำที่ปลูกเต็มพื้นที่ 3 ไร่ เป็นเงินภาษีของประชาชน แต่ทำไมมันลึกลับยากต่อการตรวจสอบขนาดนี้ ขนาดกรรมาธิการ ป.ป.ช.แห่งรัฐสภาทั้งขอตรวจสอบไปที่การไฟฟ้านครหลวง ทั้งขอคำชี้แจงจากกองทัพก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ถ้าสร้างด้วยเงินของท่านเองดิฉันก็คงไม่มายืนอภิปรายในวันนี้ แต่ทั้งหมดสร้างจากเงินภาษีอากรของประชาชนตาดำๆทั้งสิ้น จัดให้อยู่ฟรีมีสุขขนาดนั้นแล้วยังจะหนีการตรวจสอบ ยังจะกล้าหนีภาษีอีกหรือ ซึ่งค่าไฟฟ้า และสาธารณูปโภคอื่นๆ ในคฤหาสน์ริมบึงพื้นที่ 3 ไร่ในค่ายทหารของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น มีค่าใช้จ่ายเกิน 3 พันบาทตามกฎหมายป.ป.ช.อย่างเห็นได้ชัด” นางอมรัตน์ กล่าว
นางอมรัตน์ กล่าวด้วยว่า ตามเอกสารรายการหักบัญชีค่าไฟฟ้าบ้านเลขที่ 14 ซ.ร่วมมิตร ซึ่งเป็นบ้านหลังที่แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อป.ป.ช. เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2557 บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่ แต่ยังมีค่าไฟฟ้าเดือนละพันกว่าบาททุกเดือน แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่มาเป็น 10 ปี ยังมีค่าไฟเดือนละกว่าพันบาททุกเดือน เทียบกับคฤหาสน์ริมน้ำพื้นที่ 3 ไร่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกิน 3 พันบาทแน่นอน
คำถามต่อมาคือเฉพาะค่าไฟที่มีใบเสร็จอย่างเดียวนี่เดือนละกี่พันกี่หมื่นบาท และค่าบำรุงรักษาดูแลอีกเดือนละเท่าไหร่ ตนได้ข่าวมาว่ามีชั้นจอดรถใต้ดิน และลานจอดเฮลิคอปเตอร์อีกด้วย ทั้งหมดคือภาษีประชาชน ตนต้องการให้นายกฯ เปิดเผยออกมาว่าแต่ละเดือนท่านใช้ภาษีของพวกเราไปเท่าไหร่ นอกจากนี้ เรื่องบ้านเลขที่ที่มีปัญหา เด็กชั้นประถมต้นยังตอบบ้านเลขที่ของตัวเองได้แล้วเวลาครูถาม แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ตนไม่ได้ดูถูก แต่ต้องถามว่าท่านจำบ้านเลขที่ตัวเองได้หรือไม่ เพราะข้อมูลที่ได้มาแต่ละแหล่งไม่ตรงกันเลย และนั่นคือข้อกล่าวหาของตน เรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ทำการปกปิดอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของประชาชน ซึ่งผิดหลักการของนายกฯในระบอบประชาธิปไตยสากล
นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังทำผิดกฎหมายป.ป.ช.กรณีรับผลประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000บาท จากการให้การศาลรัฐธรรมนูญว่า ได้รับประโยชน์จากกองทัพในบ้านพักรับรองเป็นไปตามที่กองทัพปฏิบัติต่อบุคคลอี่นๆ
นี่คือใบเสร็จที่มัดตัวพล.อ.ประยุทธ์ว่ารับผลประโยชน์อื่นใดเกิน 3 พันบาท ขัดกฎหมายป.ป.ช. คิดเป็นเวลา 76เดือน รวม 76กระทง กระทงละ 3ปี มีโทษจำคุก 228 ปี คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแค่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่หลุดจากสถานะนายกฯ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหลุดคดีอาญา การรับผลประโยชน์เกิน 3 พันบาทได้
นอกจากนี้ ผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากกองทัพ ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 39 และ 40 เพื่อนำไปคำนวณการเสียภาษี แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้นำผลประโยชน์อื่นใดที่เป็นค่าน้ำ ค่าไฟเหลานี้ เดือนหนึ่งน่าจะหลายหมื่นบาท ไปคำนวณการยื่นภาษีภงด.90 ตั้งแต่ปี 2557 - 2563 จึงมีความผิดข้อหาหนีภาษีอีกกระทง พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯทำไมจงใจเลี่ยงยื่นภาษีภงด.90 ทำผิดมา 6 ปี ตั้งแต่เกษียณจากกองทัพ เพราะความไม่แยแสกฎหมาย คิดว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครจับได้ จะเอาความผิดเหล่านี้ไปยื่นจัดการตามกฎหมายต่อไป
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า ทุกอย่างเป็นไปตามมติศาลรัฐธรรมนูญแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณที่ท่านบอกว่าตนผอมลง แขนขายาวขึ้น แต่ท่านก็เตี้ยลงทุกวันๆ เพราะท่านก็หลบหลังม็อบทุกวันเหมือนกัน