"พิจารณ์" ชำแหละทุจริตกองทัพ มีคนงาบงบ พันล้าน ซัด "รมว.กลาโหม" จงใจฉ่อฉล
ส.ส.ก้าวไกล ชำแหละกองทัพทุจริตงบประมาณหลายโครงการ นับพันล้านบาท ชี้ "นายกฯ" จงใจฉ่อฉล เพื่อเอื้อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง
เมื่อเวลา 23.15 น. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแสดงความเห็นและข้อมูลไม่ไว้วางใจในญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในพฤติกรรมการทุจริตภายใต้หน่วยงานในกำกับของกระทรวงกลาโหม หลายโครงการอาทิ โครงการจัดซื้อชุดลำลองของทหารเกณฑ์, เครื่องมือช่าง, รถบัสขนาดใหญ่, กล้องกลางคือ หรือ ไนท์วิชชั่น ที่พบการจัดซื้อในราคาที่แพงกว่าราคาตลาด สูงถึง 1,000 ล้านบาท โดยโครงการซื้อชุดลำลองของทหารเกณฑ์ 7 รายการ ของกองทัพ มูลค่าจัดซื้อรวม 702 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับราคาซื้อปลีกในร้านค้าออนไลน์ พบว่ามีราคา 285 ล้านบาททำให้มีส่วนต่างถึง 417ล้านบาท ทั้งนี้ตนได้ตรวจสอบจากผู้ผลิตพบราคาที่ถูกกว่าร้านค้าออนไลน์
“ผมเข้าใจทำไม ร่างพ.ร.บ.ทหารเกณฑ์ ของพรรคก้าวไกลถึงปัดตก เพราะหากลดจำนวนทหารเกณฑ์ ที่มีจำนวน 1หมื่นคนถึงถึง7แสนคนต่อปี จะทำให้ลดการกินงบประมาณได้ เพราะการจัดซื้อนั้นมีราคาแพงกว่าตลาด 47% ซึ่งผมขอตั้งคำถามว่าเหตุที่กองทัพซื้อของแพงเพราะบอกผู้ผลิตให้ขายในราคาแพง นอกจากนั้นผมเข้าใจในคำถามที่ว่ากางเกงในของทหารเกณฑ์มีไว้ใส่ หรือมีไว้กิน ผมได้คำตอบแล้วว่าในสมัยนายกฯไทยคนนี้ กางเกงในมีไว้กิน” นายพิจารณ์ อภิปราย
นายพิจารณ์ กล่าวด้วยว่าในการจัดซื้อโครงการต่างๆของกองทัพ ยังพบการทุจริต อาทิ โครงการจัดซื้อกล้องกลางคือ หรือ ไนท์ วิชชั่น พบว่ามีการกีดกันผู้แข่งขัน ให้ผู้ชนะประมูล ด้วยราคาเดียว คือ 4.9แสนล้านบาท และราคาดังกล่าวชนะประมูล 3 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2561 แม้หน่วยรบพิเศษแจ้งความต้องการว่าต้องการใช้ยี่ห้อเดิม เพื่อใช้การจัดซื้อแบบวิธีพิเศษและกำหนดทีโออาร์แบบล็อคสเปค ซึ่งตนเชื่อว่าการล็อคสเปคดังกล่าวเพื่อเอื้อให้กับบริษัทเอกชน
นายพิจารณ์ อภิปรายถึงการจัดซื้อรถบัส ที่เกิดขึ้นปี 2558 - 2563 มูลค่า 2,200 ล้านบาท เชื่อว่าจัดซื้อแพงถึง 30% หรือ 660 ล้านบาท ซึ่งพบการล็อคสเปคให้กับบริษัทเอกชนเพียงรายเดียว ทั้งนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา บุคคลที่เป็น รมว.กลาโหม 2 คน คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประยุทธ์ นอกจากนั้นยังมีประเด็นการจัดซื้อเรือดำน้ำ แม้จะยกเลิกงบประมาณจัดซื้อปีที่ผ่านมา แต่กลับพบความพยายามเซ็นสัญญากับผู้ขายเพื่อให้มีผลผูกพันกับงบประมาณ โดยเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งตนเชื่อว่ามีคนที่อยากได้ทั้งที่เป็นผู้ซื้อ ทั้งนี้ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงให้ชัดเจนต่อการจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่ารมว.กลาโหมจงใจฉ่อฉลเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง.
พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่ในระดับกำกับได้กำชับ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าการจัดซื้อนั้นไม่ได้รับประโยชน์ ดังนั้นเรื่องที่อภิปรายต้องตรวจสอบอีกครั้ง
“ผมไม่หลบตา ไม่กลัว ไม่มีใครกลัวใคร วันนี้สิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันหมด ยกเว้นคนที่ทำผิดกฎหมายเสรีภาพถูกจำกัด ขอให้ระวังการพูดในสภาฯ คนรักทหารเยอะ ท่านลดกำลังทหาร ให้คนไม่มีความรับผิดชอบในบ้านเมือง ชายฉกรรจ์ต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ผมทราบว่าท่านเกลียดทหาร หากถึงเวลาหนึ่งอย่าเรียกร้องจากทหาร ที่บอกว่าอยากให้มีทหารเยอะๆ เพื่อโกงนั้นไม่ใช่” พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง
และเมื่อเวลา 00.25 น. นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง กล่าวกับที่ประชุมว่า ที่ประชุมได้ใช้เวลาอภิปราย 15 ชั่วโมงแล้วควรพักและให้ กลับมาประชุม อีกครั้ง ในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 17 กุมภาพันธ์.