'โรม' ชำแหละ 'ตั๋วช้าง' บิ๊กตร. คาใจ ตั้ง 'บิ๊กต่อ' ข้ามอาวุโส
"โรม" แฉมี "ตั๋วช้าง" โยกย้ายนายตำรวจ คาใจตั้ง "บิ๊กต่อ" ข้ามอาวุโส อัด "ประยุทธ์-ประวิตร" ให้ล้วงลูก-ละเว้นกฎเกณฑ์แต่งตั้ง
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในระเด็นการโยกย้ายตำรวจอย่างไม่เป็นธรรม ว่า ตั้งแต่สมัยคสช.เป็นต้นมาที่มีการมอบหมายให้พล.อ.ประวิตรดูแล กลับให้ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้ามาบงการการแต่งตั้ง โยกย้าย และเลื่อนตำแหน่ง ละเลยกฎเกณฑ์อันทรงมี จนก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์และการใช้เส้นสาย
ต่อมาเมื่อพล.อ.ประยุทธ์เข้ามาก็ยังปล่อยให้ผู้กระทำการเหล่านั้นลอยนวล เพิกเฉยต่ออาชญากรรม แต่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ เปิดบ่อนไม่ว่า ค้ายาไม่สอบ เจอเจ้าพ่อแล้วนอบน้อม แต่ถ้าเจอม็อบก็สู้ตาย จากที่จะกลายเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎรก็กลายเป็นผู้พิฆาตประชาชน
ความผิดปกติของการแต่งตั้งโยกย้ายต่อไปนี้เป็นคำสารภาพของนายตำรวจด้วยกันเอง 2 นายที่ระบุถึงการวิ่งเต้นซื้อตำแหน่ง และถ้ามีเงินมีตั๋วมีผลงานด้วยรับรองผ่ายฉลุย ซึ่งมีตั๋วอยู่ในวงการตำรวจ ตั๋วที่มีแล้วจะได้ทุกอย่าง ซื้อตำแหน่งได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม
มีเอกสารลงวันที่ 14 มี.ค.62 เรื่องของการสนับสนุนการแต่งตั้งส่งถึงผบ.ตร. เนื้อหาขอรับการสนับสนุนแต่งตั้งตำรวจ 3 นาย อ้างเหตุว่า นายตำรวจทั้งสามได้ผ่านการอบรมหลักสูตรจิตอาสา ประเด็นแรกของหนังสือนี้อยู่ที่หน่วยงานที่เขียนขึ้นมาคือกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ลงชื่อโดย พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ในฐานะผู้บังคับการตำรวจมหาดเล็ก ราชวัลลภรักษาฯ
ต้องถามว่า พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ มีหน้าที่ทำเรื่องเช่นนี้ได้ด้วยหรือ และการเขียนขอสนับสนุนฯเช่นนี้ทำตามกฎหมายอะไร เพราะตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาตินั้น ได้ให้แต่ละกองบังคับการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาแต่งตั้งเฉพาะภายในหน่วยงานของตนเองและจึงเสนอต่อเบื้องบน
ซึ่งในหนังสือนั้น 3 นายตำรวจอยู่คนละหน่วยและไม่ได้อยู่ในหน่วยของกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กฯ ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่สามารถทำได้ แม้แต่กองสอบสวนกลางก็ไม่สามารถกระทำได้ และผู้ที่เป็นแค่ผู้บังคับการฯมามีอำนาจยุ่งเกี่ยวตำรวจที่อยู่นอกหน่วยตัวเองได้อย่างไร แล้วหนังสือนี้ที่ออกมาโดยผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแบบนี้เรียกว่า "ตั๋ว" หรือไม่
ทั้งนี้เส้นทางอาชีพของพล.ต.ท.ต่อศักดิ์ เพิ่งเข้ารับตำแหน่งรองสารวัตรเมื่อปี2541 ตอนอายุที่ 33 ปี ปกติคนที่ ต่อมาได้เลื่อนขั้นตามปกติและปี2559 ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษหรือคอมมานโด แต่ความผิดปกติคือในปี2561 อยู่ๆพล.ต.ท.ต่อศักดิ์ก็ได้รับการละเว้นหลักเกณฑ์ให้เลื่อนขั้นมา 3 ครั้ง ซึ่งตนมองว่าเขาไม่มีความเหมาะสมแต่ที่ได้มาเพราะพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตรได้ยกเว้นหลักเกณฑ์ให้ ถ้าจะทำกันเช่นนี้บัญชีผู้เหมาะสมจะมีค่าอะไรมาก การยกเว้นหลักเกณฑ์จึงสร้างความเสียหายต่อโอกาสในหน้าที่การงานของตำรวจที่ปฏิบัติตนตามครรลองเติบโตไปในตำแหน่งที่เขาควรได้
ดังนั้นข้อกล่าวหา คือ นายกฯ และพล.อ.ประวิตรปล่อยให้บุคคลภายนอก สตช.เข้ามาแทรงแซงการแต่งตั้งโยกย้ายทำให้ตำรวจจำนวนมาต้องไปปฏิบัติหน้สที่ในหน่วยอื่น ซึ่งตั๋วที่ตนรวบรวมมานั้นมีทั้งของผบ.ตร. พล.อ.ประยุทธ์ แต่มีตั๋วอีกหนึ่งประเภทคือเรียกกันว่า "ตั๋วช้าง" มีตำรวจ 20 คนได้รับตั๋วนี้ ระบุว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในครั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายรังสิมันต์ถูกประท้วงคำว่า "ตั๋วช้าง" พร้อมประธานฯ ขอไม่ให้อภิปรายเรื่องตั๋วอีก
"ระบบที่ไม่เป็นธรรมนี้เราเห็นมันทุกวัน และเราก็อยู่กับมันทุกวัน หลายคนอาจภาวนาว่า สักวันหนึ่งจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาทำร้ายวงจรอุบาทว์นี้ แต่เราคงได้แต่รออย่างสิ้นหวัง ผมคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เกิดความเปลี่ยน ในการทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรของผมรู้ว่าครั้งนี้เป็นการทำหน้าที่ที่อันตรายที่สุด ผมไม่รู้ว่าผลของการทำหน้าที่นี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อตัวผมหลังจากนี้ 3 วันข้างหน้า หรือ 3 เดือนครั้งหน้าจะพูดแทนพี่น้องประชาชนได้หรือไม่ อะไรจะเกิดขึ้นกับตัวผมก็จะไม่เสียใจกับการได้ทำหน้าที่ในครั้งนี้" นายรังสิมันต์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการอภิปรายของนายรังสิมันต์ บรรยากาศเป็นไปอย่างดุเดือด โดยได้มีสมาชิกจากพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อพลังประชารัฐ สลับกันลุกขึ้นประท้วงอยู่เป็นระยะ