เปิดผลสำรวจบุคลากรด้านสธ.ต่อการรับ'วัคซีนโควิด-19'
ไฮแทปเผยผลสำรวจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข พบยินดีรับวัคซีนโควิด-19 ราว 55% วัคซีนที่ต้องการอันดับ1 คือ "แอสตราเซนเนก้า"
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ หรือไฮแทป (Hitap) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เปิดผลสำรวจความเห็นของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ต่อการรับวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 29 ม.ค.- 16 ก.พ.2564 โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสำรวจจำนวน 55,068 ราย ทั้งพยาบาล อสม. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย แพทย์ เภสัชกร และทันตแพทย์
ผลสำรวจถามถึงการตัดสินใจรับวัคซีนโควิด19 ในกรณีที่ไม่มีทางเลือก พบว่า 55 % ยินดีรับวัคซีนโควิด 35% ไม่แน่ใจในการรับหรือไม่รับวัคซีนโควิด และ 10 %ไม่ยินดีรับวัคซีนโควิด โดยพบว่า อสม.ยินดีรับวัคซีนโควิดมากที่สุดถึง71 % และพยาบาลยินดีรับน้อยที่สุด47 %
เมื่อจำแนกตามเขตพื้นที่ควบคุมโรคสูงสุด คือสมุทรสาคร และพื้นที่ควบคุม คือ กรุงเทพฯ ปทุมธานีและสมุทรปราการ โดยพื้นที่กลุ่มนี้ยินดีรับวัคซีนมากกว่าพื้นที่อื่นๆ กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 45-49 ปี ยินดีรับวัคซีนโควิดมากที่สุด ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่มีกลุ่มอายุน้อยกว่า 25 ปี ยินดีจะเข้ารับวัคซีนน้อยที่สุด
ส่วนกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจำนวนหนึ่งที่ยืนยันว่าจะไม่รับวัคซีนโควิดอย่างแน่นอน คิดเป็นสัดส่วน 2-5 ของแต่ละกลุ่มอาชีพ โดยเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย 4.4 %พยาบาล4.3 %เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 3.8% เป็นต้น
เมื่อถามว่า หากมีทางเลือกในการรับวัคซีนโควิดจะมีผลต่อการตัดสินใจหรือไม่ พบว่า 55 % ยินดีรับวัคซีนโควิด โดยวัคซีนที่ต้องการ อันดับที่ 1 คือ AstraZeneca อันดับที่ 2 คือ Sinovac อันดับที่ 3 คือ Pfizer-BioNTech อันดับที่ 4 คือ Moderna และ Johnson and Jhonson และอันดับที่ 5 คือ Gamaleya
ส่วนอีก 35 %ไม่แน่ใจในการรับหรือไม่รับวัคซีนโควิด โดยในกลุ่มนี้ 73 % มองว่า รับวัคซีนถ้ามีคนจำนวนหนึ่งได้รับวัคซีนก่อนหน้านี้แล้ว รองลงมา 12 % จะรับถ้าเป็นวัคซีนที่ต้องการ ซึ่งวัคซีนที่มีความต้องการ อันดับที่ 1 คือ AstraZeneca อันดับที่ 2 คือ Sinovac อันดับที่ 3 คือ Pfizer-BioNTech อันดับที่ 4 คือ Moderna และอันดับที่ 5 คือ Gamaleya อีก 9% ไม่รับวัคซีนแน่นอน และ6 %รับวัคซีนถ้ามีคนจำนวนหนึ่งได้รับและเป็นวัคซีนที่ต้องการ
จากผลการศึกษาภาพรวม พบว่า การมีทางเลือกจะส่งผลให้กลุ่มที่ไม่ยินดีรับวัคซีนหรือไม่แน่ใจ เข้ารับวัคซีนเพิ่มขึ้นประมาณ37% ซึ่งการมีทางเลือกรับวัคซีนโควิด-19 ที่ตนเองต้องการและการทราบว่ามีผู้ที่ได้รับวัคซีนก่อนหน้าแล้ว ไม่มีอาการข้างเคียงรุนแรงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่อาจทำให้อัตราการยอมรับวัคซีนเพิ่มขึ้น 90 % อีกทั้ง การรับวัคซีนของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ฯ มีผลต่อการให้คำแนะนำให้บุคคลกลุ่มอื่นๆ รับหรือไม่รับวัคซีน จึงควรให้ความสำคัญกับการยอมรับวัคซีนในกลุ่มนี้ เพราะมีผลสำคัญต่อความสำเร็จของนโยบายการให้วัคซีนโควิดประเทศไทย