“บอร์ด อคส. จี้"สุชาติ"ทิ้งเก้าอี้ เซ่นทุจริตจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน
บอร์ดอคส.ถกนัดแรกยาว 7 ชม.หลังฝ่ายค้านเปิดข้อมูลทุจริตจัดซื้อถุงมือยางกลางสภา กดดัน”สุชาติ เตชจักรเสมา ประธานบอร์ดอคส.”ลาออกจากตำแหน่ง ด้านป..ป.ช.เตรียมชี้มูลแก๊งถุงมือยางเร็วๆนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ในการประชุมคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ดอคส.) เมื่อวันที่ 23 ก.พ.64 ได้ใช้เวลาประชุมนานถึง 7 ชั่วโมง หรือตั้งแต่เวลา 14.00-20.00 น. เพื่อหารือถึงกรณีที่นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานบอร์ดอคส. ได้ถูกพรรคฝ่ายค้านพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท และทำให้รัฐเสียหายถึง 2,000 ล้านบาท ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จากกรณีดังกล่าว
โดยในการประชุมครั้งนี้ กรรมการส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นตัวแทนของหน่วยราชการต่างๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง นักกฎหมาย ทหาร รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นต้น ได้พยายามกดดันให้นายสุชาติ แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด อคส. เพราะถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง และทำให้บอร์ดอคส.ทั้งคณะเสียชื่อเสียง และเสียหาย
นอกจากนี้ บอร์ดส่วนใหญ่ ยังได้พยายามชี้แจงว่า ตลอดการทำงานที่ผ่านมา ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย และไม่เคยกระทำทุจริต ที่สำคัญ ไม่รู้เรื่องการจัดซื้อถุงมือยางครั้งนี้เลย เพราะพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. และพวก ได้ดำเนินการเองโดยพลการ ไม่เสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติเลย ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องที่บอร์ดจะต้องลาออกทั้งคณะ แต่ควรเป็นนายสุชาติ ที่จะต้องลาออกแทน ขณะเดียวกัน นายจุรินทร์ ยังได้พยายามกดดันให้นายสุชาติ ลาออกจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน แต่จนถึงขณะนี้ นายสุชาติ ยังนิ่งเฉย และยังไม่ขานรับเรื่องัดงกล่าว
สำหรับความคืบหน้าการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ที่มี พ.ต.อ.สุรพงษ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอคส.เป็นประธานนั้น ล่าสุด คณะกรรมการฯได้ทำหนังสือไปยังนายสุชาติ เพื่อเชิญมาให้ปากคำ หลังจากที่ถูกพาดพิงในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะเดียวกัน ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ของ อคส.ระดับนักบริหาร 8 รวม 2 รายเสร็จแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงการให้ปากคำของพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ซึ่งพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ได้ทำหนังสือขอขยายเวลาการให้ปากคำ เพราะอยู่หว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ คาดว่า จะให้ปากคำได้ใน 1-2 วันนี้ และคาดว่า คณะกรรมการฯจะสืบสวนแล้วเสร็จ และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหาได้ทั้งหมดภายในต้นเดือนมี.ค.นี้
ทั้งนี้ตามขั้นตอน หลังจากคณะกรรมการฯแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ที่ถูกสอบทั้งหมดได้รับทราบแล้ว ซึ่งจากการพิจารณาเบื้องต้น อาจมีการตั้งข้อกล่าวหา เช่น ดำเนินการจัดซื้อถุงมือยางโดยขัดกับกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหลายฉบับ, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต, ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นต้น จากนั้น ผู้อำนวยการอคส.จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัย เพื่อลงโทษทางวินัย เบื้องต้น พบว่า ผิดวินัยร้ายแรง มีโทษถึงขั้นไล่ออก และตั้งคณะกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิด เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดชดใช้ค่าเสียหาย 2,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยให้อคส.
ขณะเดียวกัน เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ขอให้อคส.ส่งประวัติของนายสุชาติ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาสั่งฟ้อง หากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายสุชาติด้วย โดยป.ป.ช.จะพิจารณาว่า นายสุชาติ ซึ่งเป็นประธานบอร์ดอคส. ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากจะฟ้องคดีอาญาแล้ว จะต้องมีโทษทางวินัยด้วย แต่หากไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็จะฟ้องคดีอาญาในฐานะบุคคล
โดยคาดว่า ในเร็วๆ นี้ ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องการจัดซื้อถุงมือยาง และส่งอัยการฟ้องร้องคดีอาญาได้ หลังจากนั้น จะส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อเอาเงิน 2,000 ล้านบาท ที่อคส.จ่ายเป็นค่ามัดจำถุงมือยางให้กับบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ ผู้ผลิต ซึ่งเป็นคู่สัญญาของอคส. พร้อมดอกเบี้ยมาคืนให้กับอคส. ขณะเดียวกัน อคส.จะฟ้องคดีแพ่ง และลงโทษทางวินัยด้วย ส่วนเงิน 2,000 ล้านบาทนั้น ล่าสุด ป.ป.ช.ได้อายัดเงินไว้แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท และจะส่งเรื่องปปง.ดำเนินการต่อไป
ด้านนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการอคส. กล่าวว่า การประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นการอภิปรายของกรรมการแต่ละท่านมากกว่าว่า แต่ละท่าน มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีอย่างไร รวมถึงไม่เคยกระทำการทุจริตเลย แต่ก็ไม่ได้มีมติให้ประธานบอร์ดลาออก เพียงแต่กรรมการแต่ละท่าน ต้องการให้ประธานบอร์ดพิจารณา และแสดงสปิริตในเรื่องดังกล่าว