‘STARK’ เล็งประมูลงานใหม่ปีนี้'หมื่นล้าน'

‘STARK’ เล็งประมูลงานใหม่ปีนี้'หมื่นล้าน'

“สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น” เร่งเครื่องเติบโตเวียดนาม ดันเป็นฐานรุกตลาดสหรัฐ พร้อมตั้งเป้า 3 ปี สัดส่วนรายได้ 45% กำลังผลิต 3 แสนตันต่อปี เดินหน้าประมูลงานใหม่ “หมื่นล้าน” แย้มปีนี้ผลประกอบการโต 15%

นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้า 3 ปีข้างหน้า (64-66) มีกำลังการผลิตสายไฟฟ้าและสายเบิ้ล ทั้งในไทยและเวียดนามเป็น 300,000 แสนตันต่อปี จากปี 63 อยู่ที่ 250,000 แสนตันต่อปี

ขณะที่เป้าหมายสัดส่วนรายได้ประเทศเวียดนามเป็น 45% จาก 36% ในปี 63 หรือ 6,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าการเติบโตของรายได้เวียดนามเติบโตมากกว่าภาพรวมตลาด สะท้อนผ่านตลาดสายไฟฟ้าในเวียดนามโตเฉลี่ย 16% ต่อปี

ทั้งนี้ บริษัทคาดจะใช้โรงงานในเวียดนามเป็นส่วนหนึ่งของฐานการผลิตเพื่อส่งออกสหรัฐฯ รวมถึงหาโอกาสใหม่ในภูมิภาคอื่นๆ คาดจะมีการส่งออกไปยัง 50 ประเทศ จากปัจจุบัน 40 ประเทศ และในปีนี้มีเป้าหมายสัดส่วนรายได้การส่งออกเพิ่มขึ้น เป็น10-12 % และในปี 3 ปีข้างหน้า เพิ่มเป็น 12-13% เดิม 8%

นายประกรณ์ กล่าวว่า  บริษัทมีความพร้อมที่จะยื่นประมูลงานโครงการใหม่จำนวนมาก คาดปีนี้นำงานเข้ามาเพิ่มขึ้นราว 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นไทย 8,000-9,000 ล้านบาท และเวียดนาม 1,500-2,000 ล้านบาท จาก ณ เดือน ก.พ.64 บริษัทมีงานในมือที่รับรู้รายได้ (แบล็กล็อก) อยู่ที่ 8,424ล้านบาท แบ่งเป็นในไทย7,424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% จากปี 63 และเวียดนาม 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น74% จากเม.ย.63

เนื่องจากรายได้หลัก คือ ธุรกิจสายไฟฟ้า และสายเคเบิ้ล มีแนวโน้มการเติบโตดีไปพร้อมกับอุตสาหกรรมไฟฟ้า จากแผนการลงทุน 5 ปี (63-67) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมราว2แสนล้านบาทโดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้า

นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการขยายสินค้าในกลุ่มที่มีความสามารถในการทำกำไรได้สูงหรือ High Margin โดยเฉพาะกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลาง จนถึงระดับสูงพิเศษที่มีการเติบโตสูง เพื่อรองรับโครงการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน พร้อมกับควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายต้องมีประสิทธิภาพ โดยการบริการจัดการร่วมกันของกลุ่มบริษัท จะช่วยให้เพิ่มความสามารถในการทำกำไรมากขึ้นด้วย

สำหรับปีนี้คาดคงรักษาการโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 15% อยู่ที่ 19,000 -20,000 ล้านบาทจากปีก่อนอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท และคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีก