ตลาดหุ้นหนุน 'เศรษฐีจีน' รวยพันล้าน ทะลุพันราย
รายงานความมั่งคั่งโลกฮูรุน ประจำปี 2564 ระบุ ปีที่ผ่านมาจีนได้สร้างอภิมหาเศรษฐีมั่งคั่งระดับพันล้านดอลลาร์เพิ่มอีกกว่า 200 คน ตัวเลขรวมทะลุกว่า 1,000 ราย อานิสงส์ตลาดหุ้นคึกคักและบริษัทหลั่งไหลเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บดบังความเสียหายจากโควิด-19
ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจีนที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกสร้างเศรษฐีพันล้านเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า แถมยังเดินหน้ามีอภิมหาเศรษฐีเพิ่มแซงหน้าประเทศอื่นต่อไป ทั้งยังพลิกฟื้นสถานการณ์โควิดระบาดอย่างเลวร้ายที่สุดมาเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ในปี 2563
รายงานความมั่งคั่งโลกฮูรุนฉบับล่าสุด เผยแพร่วานนี้ (2 มี.ค.) พบว่า ปี 2563 มีชาวจีนขึ้นแท่นอภิมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ 259 คน มากกว่าส่วนอื่นๆ ของโลกรวมกัน ส่งผลให้ยอดรวมซูเปอร์ริชจีนอยู่ที่ 1,058 คน เป็นประเทศแรกที่ทะลุหมุดหมาย 1,000 คนได้ อันดับ 2 คือสหรัฐ มีอภิมหาเศรษฐีหน้าใหม่เพิ่มขึ้น 70 คนในปี 2563 ยอดรวม 696 คน
เบอร์ 1 ของเหล่าเศรษฐีจีนหนีไม่พ้น “จง ซานซาน” เจ้าของบริษัทน้ำดื่มบรรจุขวด “หนงฟู่” ที่ติดลิสต์เป็นปีแรกด้วยความมั่งคั่ง 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ดันให้เขามั่งคั่งที่สุดของเอเชีย และติดท็อปเท็นการจัดอันดับความมั่งคั่งทั่วโลกของฮูรุน อดีตคนงานก่อสร้างรายนี้ทำเงินมหาศาลจากการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปีก่อน ระดมทุนได้ 1.1 พันล้านดอลลาร์
ส่วนแจ็ค หม่า จากอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซถูกตรวจสอบหนักจนต้องตกอันดับที่เคยครองอยู่เป็นประจำ โดยอาลีบาบาและแอนท์กรุ๊ป บริษัทฟินเทคในเครือ ถูกทางการตรวจสอบเรื่องการผูกขาด
ขณะเดียวกันบุคคล 3 คนจากทั่วทั้งโลกที่ปีเดียวมีรายได้เพิ่มเกิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ได้แก่ อีลอน มัสก์ จากเทสลา เจฟฟ์ เบซอสจากอเมซอน และโคลิน หวง จากพินตั่วตั่ว แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดรายหนึ่งของจีน
ในภาพรวมจีนยังคงเดินหน้าเป็นผู้นำในการสร้างความมั่งคั่งให้โลกต่อไป รายงานฮูรุนระบุว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจีนมีมหาเศรษฐีพันล้านเพิ่ม 490 คน เทียบกับสหรัฐเพิ่มขึ้น 160 คน
รูเพิร์ต ฮูจเวิร์ฟ ประธานฮูรุนรีพอร์ต กล่าวว่า แม้การระบาดของโควิด-19 ได้สร้างความปั่นป่วนแต่ปี 2563 เป็นปีที่ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดหุ้นคึกคักมาก
“บางทีอาจเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่เอเชียมีอภิมหาเศรษฐีมากกว่าส่วนอื่นๆ ของโลกรวมกัน” ฮูจเวิร์ฟกล่าว
รายงานยังระบุถึงความเปลี่ยนแปลงในฮ่องกงที่ตอนนี้ถูกแผ่นดินใหญ่แซงหน้าไปแล้ว มีเศรษฐีนักธุรกิจฮ่องกงเพียง 3 คนเท่านั้นที่ติดอันดับท็อป 50 ของจีน ส่วน 10 เมืองที่มีเศรษฐีพันล้านอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในโลก 6 เมืองอยู่ในจีน กรุงปักกิ่งครองอันดับ 1 เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
ในภาพรวมทั้งโลก ปี 2563 โลกมีอภิมหาเศรษฐีรวม 3,288 คน ความมั่งคั่งรวมพุ่งขึ้น 32% มาอยู่ที่ 14.7 ล้านล้านดอลลาร์
“เศรษฐีพันล้านที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมาเทียบได้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) เยอรมนียกระดับไปเท่าจีน พวกเขารวยเพิ่ม 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ รวมเป็น 14.7 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นพลังทางเศรษฐกิจอย่างเหลือคณานับ”
รายงานฉบับนี้จัดอันดับซูเปอร์ริช 3,228 คนจาก 2,402 คน ใน 68 ประเทศ คำนวณความมั่งคั่งนับถึงวันที่ 15 ม.ค.64
อีลอน มัสก์ จากเทสลารวยเพิ่มมากที่สุด 1.51 แสนล้านดอลลาร์ ติดอันดับบุคคลมั่งคั่งที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก สินทรัพย์สุทธิรวม 1.97 แสนล้านดอลลาร์
รองลงมาคือเจฟฟ์ เบซอส จากอเมซอน มั่งคั่งสุทธิ 1.89 แสนล้านดอลลาร์ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารแอลวีเอ็มเอชโมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง บริษัทสินค้าหรูรายใหญ่สุดของโลก ครองอันดับ 3 ของโลกที่ 1.14 แสนล้านดอลลาร์ อันดับ 4 และ 5 เป็นของบิล เกตส์จากไมโครซอฟท์ และมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
ฮูจเวิร์ฟประเมินว่า ถ้ายังรวยกันแบบนี้ คงจะได้เห็นอภิมหาเศรษฐีไม่ต่ำกว่า 50 คน มั่งคั่งทะลุหลัก 1 แสนล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปีข้างหน้า และคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำงานหนักกว่าจะติดอันดับนี้ได้ ในภาพรวมทั้งโลก 71% มาจากการสร้างตนเอง มีเพียง 29% ที่รวยเพราะมรดก
ผู้หญิงที่สร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวยมีจำนวน 231 คน เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อนหน้า มาจากจีนมากที่สุด 66% อันดับหนึ่งของจีนคือจง หุยจวน จากบริษัทผลิตยาฮันโซห์ มั่งคั่งสุทธิ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนผู้หญิงที่รวยที่สุดในโลกคืออลิซ วอลตันจากวอลมาร์ท มั่งคั่งสุทธิ 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์
หากจัดอันดับประเทศท็อปไฟว์ จีนมีจำนวนมหาเศรษฐีพันล้านมากที่สุด 1,058 คน สหรัฐ 696 คน อินเดีย 177 คน เยอรมนี สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศละกว่า 100 คน ทวีปเอเชียครองสัดส่วนอภิมหาเศรษฐีโลก 51% อินเดียตอนนี้มีซูเปอร์ริช 209 คน ปี 63 เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับสหรัฐ
มูเกช อัมบานี ประธานรีลิแอนซ์ อินดัสทรีส์ ร่ำรวยที่สุดในอินเดีย อันดับ 2 ของเอเชีย และอันดับ 8 ของโลก ที่ 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์
“ความร่ำรวยของอินเดียส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมดั้งเดิมหรือเป็นวงจรแตกต่างจากสหรัฐและจีนที่สร้างความมั่งคั่งด้วยเทคโนโลยี เมื่อความมั่งคั่งขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีปลดปล่อยศักยภาพเต็มที่แล้ว อินเดียก็อาจมีจำนวนอภิมหาเศรษฐีเหนือกว่าสหรัฐ” อานัส ราห์มัน จูเนจ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้านักวิจัยฮูรุนอินเดียกล่าว ส่วนเมืองเศรษฐี มุมไบมีอภิมหาเศรษฐีมากที่สุดในอินเดีย 60 คน ตามด้วยกรุงนิวเดลี 40 คน และเบงกาลูรู 22 คน