'พปชร.' โค่น 'ปชป.' เมืองคอน สะเทือน 'จุรินทร์' หลังพิงฝา

จากผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2564 ในการพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ ต่อพรรคพลังประชารัฐกลายเป็นสัญญาณร้อนกดดันไปที่ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคทั้ง 39 คนอย่างปฏิเสธไม่ได้ เมื่อผลเลือกตั้งครั้งนี้สะเทือนไปถึงเก้าอี้ "ภาคใต้" หายไป 1 ตำแหน่ง

โดยเฉพาะคะแนนเลือกตั้งห่างกันเพียง 4,069 คะแนน ระหว่างอันดับ 1 "อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ" จากพลังประชารัฐ ได้ 48,701 คะแนน ห่างจากอันดับ 2 "พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์" จากประชาธิปัตย์ ได้ 44,632 คะแนน โดยเมื่อเทียบกับผลกทรเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 "เทพไท เสนพงศ์" เคยเอาชนะ "อาญาสิทธิ์" เพียง 4,568 คะแนนเช่นกัน

หากพิจารณาในคะแนนเสียงเขต 3 อ.พระพรหม อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ชะอวด อ.จุฬาภรณ์ จะมีเพียง "พระพรหม" อำเภอเดียวที่ประชาธิปัตย์เอาชนะพลังประชารัฐ โดยที่ "พงศ์สินธุ์" ได้เสียง 11,125 คะแนน และ "อาญาสิทธิ์" ได้เสียง 9,785 คะแนน

แต่ใน อ.จุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ "อาญาสิทธิ์" กลับมาได้เสียง 9,601 คะแนน มากกว่า "พงศ์สินธุ์" ได้เสียง 7,349 คะแนน ส่วนที่เหลืออีก 2 อำเภอ เป็นชัยชนะของพลังประชารัฐ ตั้งแต่ อ.เฉลิมพระเกียรติ "อาญาสิทธิ์" ได้เสียง 7,242 คะแนน "พงศ์สินธุ์" ได้เสียง 6,427 คะแนน และ อ.ชะอวด "อาญาสิทธิ์" ได้เสียง 22,072 คะแนน "พงศ์สินธุ์" ได้เสียง 18,731 คะแนน

ทำให้ตัวเลข ส.ส.ทั้ง 8 เขตในนครศรีธรรมราชระหว่าง "พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์" กลับมาอยู่เท่ากันพรรคละ 4 ที่นั่ง แบ่งเป็น เขต1 รงค์ บุญสวยขวัญ พลังประชารัฐ เขต 2 สัณหพจน์ สุขศรีเมือง พลังประชารัฐ เขต 3 อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ พลังประชารัฐ เขต 4 ประกอบ รัตนพันธ์ ประชาธิปัตย์ เขต 5 ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประชาธิปัตย์ เขต 6 ชัยชนะ เดชเดโช ประชาธิปัตย์ เขต 7 สายัณห์ยุติธรรม พลังประชารัฐ และเขต 8 พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ประชาธิปัตย์

ไม่เพียงเท่านี้แต่ผลเลือกตั้ง 7 มี.ค.เป็นการพ่ายแพ้สนามเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ 2 ที่ประชาธิปัตย์ลงสมัคร ตั้งแต่ในยุค "จุรินทร์" เป็นหัวหน้าพรรค โดยครั้งแรกประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม เขต 5 นครปฐม แต่ครั้งนั้น "สุรชัย อนุตธโต" แพ้ให้กับ "เผดิมชัยสะสมทรัพย์" จากชาติไทยพัฒนา ส่วนพื้นที่เลือกตั้งซ่อมที่เหลือ "ประชาธิปัตย์" ไม่ส่งผู้สมัครจากจุดยืนรักษา "มารยาท" ทางการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล

จนมาถึงสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช ประชาธิปัตย์ กลับมาแพ้อีกครั้ง ในสถานการณ์ก่อนวันรับสมัครเลือกตั้งที่คนในประชาธิปัตย์ ไม่พอใจ "พลังประชารัฐ" ไม่ยอมหลีกทางเพื่อรักษามารยาททางการเมือง เช่นเดียวกับที่ประชาธิปัตย์เคยทำไว้เนื่องจากหากส่งผู้สมัครลงพร้อมกันโอกาสตัดคะแนนพรรคร่วมกันเองมีสูง

ยิ่งผลคะแนนเลือกตั้ง 7 มี.ค.ที่ออกมานั้น หาก "พลังประชารัฐ" เลือกไม่ส่งผู้สมัคร จะทำให้ "ประชาธิปัตย์" มีโอกาสสูงชนะในพื้นที่เขต 3 จากผลคะแนนในอันดับ 3 พรรคกล้า และอันดับ 4 พรรคเสรีรวมไทยได้คะแนนรวมกันเพียง 8,518 คะแนนเท่านั้น

ทำให้ตัวเลข ส.ส.ประชาธิปัตย์ในสภาขณะนี้ ลดมาที่ 51 คน จากตัวเลขเดิม 53 คน เมื่อการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ขาดทุนทางการเมืองอย่างเดียว แต่หมายถึง "สถิติ" ความพ่ายแพ้ของประชาธิปัตย์ในยุค "จุรินทร์" เป็นหัวหน้าพรรคเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน กำลังเป็นสัญญาณให้เห็นว่า พื้นที่ภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงประชาธิปัตย์กำลังถูกเขย่าจาก "พรรคร่วมรัฐบาล" ด้วยเช่นกัน

สถานการณ์ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ถูกจับตาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง มาถึงในช่วงที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงมาปราศรัยในพื้นที่ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนั้น "ประชาธิปัตย์" รู้ดีว่าเป็นสัญญาณไม่ธรรมดา หากจะวัดกันที่ปัจจัยอำนาจรัฐ "ของจริง" ที่มีไม่เท่ากัน

บวกกับการส่ง “อนุชา นาคาศัย” เลขาธิการพรรค และ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ลงไปพื้นที่อย่างหนักเพื่อชนกับแกนนำประชาธิปัตย์ในช่วงโค้งสุดท้าย แต่หนึ่งปัจจัยนอกตำราที่มาจากท่าทีอดีตหัวคะแนนท้องถิ่นบางส่วน เลือกไพ่ใบใหม่ผันตัวไปช่วยผู้สมัครพลังประชารัฐ ก็เป็นแรงหนุนให้พลังประชารัฐเข้าป้ายเขต 3 ไปได้มายากเช่นกัน

ผลเลือกตั้งครั้งนี้กำลังบีบไปที่ "ประชาธิปัตย์" ทั้งสถานการณ์ภายในที่กำลังกลับมาระอุจากกลุ่มต่อต้าน "จุรินทร์" รวมถึงสถานการณ์ภายนอก ในฐานะ "พรรคร่วมรัฐบาล" จะกลับมาในดุเดือดต่อการเลือกตั้งซ่อมที่อาจเกิดขึ้นใน จ.ชุมพร เขต 1 ซึ่ง "ชวลิต อาจหาญ" จากพลังประชารัฐ เคยได้อันดับ 2 เมื่อการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 เช่นกัน

"ประชาธิปัตย์" กำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่ไม่ต่างอะไรกับสถานการณ์หลังพิงฝา.