'รีเดม' ปรับเกมม็อบไร้แกนนำ ทางสามแพร่งเสี่ยงรุนแรง

'รีเดม' ปรับเกมม็อบไร้แกนนำ ทางสามแพร่งเสี่ยงรุนแรง

เมื่อสิ่งที่ “อานนท์ นำภา” เคยเตือนไว้ว่า หากใช้ความรุนแรงต่อสู้กับรัฐ มีแต่ทำให้ขบวนนับถอยหลังสู่ความพ่ายแพ้เท่านั้น

ถึงแม้ 4 แกนนำมวลชน แนวร่วม กลุ่มราษฎร อานนท์ นำภา พริษฐ์ ชิวารักษ์ ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และสมยศ พฤกษาเกษมสุข จากกลุ่ม “24 มิถุนาประชาธิปไตย ยังถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เป็นเวลาเกือบ 1 เดือน แต่เครือข่ายม็อบที่มีจุดยืนเรียกร้องในเรื่องเดียวกัน ก็ไม่หยุดเคลื่อนไหวชุมนุม

โดยเฉพาะท่าทีของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นกลุ่มรีเดม” REDEM เริ่มเคลื่อนไหวรอบใหม่มาตั้งแต่กลางเดือน .. จนมาถึงกิจกรรมเดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชนโดยไผ่ดาวดินจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา เดินเท้าจาก.นครราชสีมา สู่เป้าหมายอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็น 2 กลุ่มแนวร่วมที่สลับขึ้นมาอยู่แถวหน้านัดชุมนุมในช่วงที่กลุ่มราษฎร เว้นวรรค เดินขบวนทางการเมือง

หากเจาะยุทธศาสตร์เคลื่อนไหวทั้ง 2 กลุ่ม เห็นได้ชัดว่า มีเพียงรีเดมเท่านั้นที่ไม่เปิดตัวแกนนำ แต่ใช้พื้นที่โลกออนไลน์ผ่านเทเลแกรม “TELEGRAM” เคลื่อนไหวนัดหมายชุมนุม ซึ่งทำมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อวันที่ 28 ..ที่กรมทหารราบที่ 1 และวันที่ 6 มี..ที่หน้าศาลอาญา เพื่อเคลื่อนขบวน 3 ข้อเรียกร้องตั้งแต่ จำกัดอำนาจสถาบัน ขับไล่ทหารออกจากการเมือง และลดความเหลื่อมล้ำด้วยรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า

ขณะเดียวการเคลื่อนไหวในเทเลแกรมมีการหารือถึงยุทธวิธีไร้แกนนำ เป็นสิ่งที่รีเดมมั่นใจว่าจะเคลื่อนขบวนเป็นอิสระไม่ยึดโยงกับใคร เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมในจังหวะที่ฝ่ายรัฐเริ่มยกระดับควบคุมการชุมนุมเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้วิธีนี้จะเสี่ยงปัจจัยแทรกซ้อนในรูปขบวนที่มีผู้นำ แต่เชื่อว่าเป็นวิธีที่ฝ่ายความมั่นคงเอาผิดแกนนำได้ยากที่สุด

161521404243

นอกจากนี้ จากแนวปฏิบัติที่รีเดมประกาศถึงมวลชนในกรณีสถานการณ์รุนแรงในวันที่ไม่มีแกนนำ ผู้ชุมนุมต้องรับผิดชอบความเสี่ยงด้วยตัวเองหากมีเหตุการณ์ปะทะกับฝ่ายรัฐเท่านั้น ภายในห้องสนทนาเทเลแกรมยังถกเถียงกันถึงยุทธวิธีชุมนุม รูปแบบการกดดันรัฐเพื่อขับเคลื่อน 3 ข้อเรียกร้องให้สำเร็จ

แต่เหตุการณ์การชุมนุมช่วงค่ำวันที่ 6 มี.. ในการชิงตัวกลุ่มการ์ดในรถควบคุมตัวผู้ต้องขังของสน.พหลโยธิน จนเป็นเหตุให้รถเสียหาย 2 คัน กำลังกลายเป็นสถานการณ์ที่ยกระดับไปอีกขั้น เมื่อไม่มีแกนนำควบคุมการเคลื่อนขบวน สถานการณ์ความรุนแรงจึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ขณะที่ปีกการเคลื่อนไหวกิจกรรมเดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชนจากการรวมกลุ่มราษฎรและ พีเพิล โก “PEOPLE GO” ตั้งแต่วันที่ 16 ..ที่ผ่านมา จากจุดเริ่มต้น .นครราชสีมา สู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไม่เพียงแต่การเดินเท้าเพื่อสื่อสารถึง 3 ข้อเรียกร้อง(ปล่อยแกนนำ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเลิกมาตรา 112) แต่ยังใช้โอกาสนี้แจกใบปลิว พูดคุย และจัดกิจกรรมเพื่อสื่อสารกับสังคมให้เห็นภาพปัญหาเชิงโครงสร้าง

161521406263

ก่อนหน้านี้ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในธงนำของกลุ่มราษฎรที่ใช้เคลื่อนไหวนัดชุมนุมช่วงกลางปี 2563 ก่อนทะลุเพดานยกระดับข้อเรียกร้องกดดันให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112” ภายหลังแกนนำหลายกลุ่มถูกหมายเรียกดำเนินคดี.112” จึงเป็นที่มาของการปรับยุทธศาสตร์ข้อเรียกร้องชูประเด็นในเรื่องนี้ หลังจากที่ "กลุ่ม24 มิถุนาฯเคยจุดประเด็นเคลื่อนไหวรณรงค์มาแล้ว เมื่อปี 2550

นอกเหนือจากการพุ่งเป้าไปที่การรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 ยังมีประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นชนวนระหว่างทางที่พร้อมจะถูกปัดฝุ่นนำมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง จากสิ่งที่มวลชนเชื่อว่า สุดท้ายข้อเรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญจะถึงทางตันไม่ว่าจะมาจากกระบวนการใดของรัฐสภา ทำให้ทุกกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่างนี้ จะเป็นอีกหนึ่งชนวนที่ม็อบพร้อมหยิบยกนำมาชูธงเคลื่อนไหวตลอดเส้นทางการแก้รัฐธรรมนูญ

ขณะนี้กำลังเป็นช่วงวัดใจ ฝ่ายม็อบ และฝ่ายรัฐ ว่าฝ่ายใดจะอดทนต่อแรงเสียดทานในการเผชิญหน้าตลอดเดือน มี..ได้มากกว่ากัน เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐยืนยันความชอบธรรมในการปราบปรามผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง ท่ามกลางอารมณ์มวลชนกลุ่มฮาร์ดคอร์แถวหน้าที่พร้อมแลกได้ทุกเมื่อ

ทางสามแพร่งของกลุ่มรีเดม ที่จะนำการชุมนุมแทนกลุ่มราษฎรนับจากนี้ กำลังเป็นเดิมพันในสิ่งที่อานนท์ นำภาเคยเตือนไว้หรือไม่ว่า การต่อสู้ทางการเมือง หากใช้ความรุนแรงต่อสู้กับรัฐ จะไม่นำชัยชนะมาได้ มีแต่จะทำให้ขบวนนับถอยหลังสู่ความพ่ายแพ้เท่านั้น.

161521414062