อินเด็กซ์ฯ ตีโจทย์ธุรกิจ ช่วยเสริมรายได้ให้คนไทย ควงกันรอดพ้นวิกฤติ
เมื่อโควิด-19 ไม่เอื้อให้โมเดลธุรกิจ หรือความสำเร็จแบบเดิมๆ สามารถไปต่อได้ เพราะไวรัสร้าย “ดิสรัป” ทุกอย่างจนเสียกระบวนท่า ทำให้ผู้ประกอบการต้อง “คิดใหม่” ปรับตัว มีความยืดหยุ่น(Resilience)องค์กรให้สอดคล้องกับทุกสถานการณ์ รองรับความเสี่ยงได้
ปี 2563 เจ้าพ่อครีเอทีฟอย่าง เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟวิลเลจ จำกัด (มหาชน) ไม่สามาถจัดกิจกรรมหรืออีเวนท์ต่างๆได้ จนรายได้จากพันล้านบาท หดหายเหลือกว่า 400 ล้านบาทเท่านั้น เพื่อให้อยู่รอดบนวิกฤติจึงพลิกศาสตร์รบอย่างรวดเร็ว แตกไลน์ทำธุกิจใหม่ที่มีโอกาส “สร้างรายได้” ขณะที่หลายรายยังใช้สูตร “รัดเข็มขัด” ประหยัดต้นทุน
โมเดลธุรกิจใหม่ที่ฉีกกรอบจากธุรหลักคือการสร้าง KILL & KLEAN นำเทคโนโลยีฆ่าเชื้อไวรัสแบบรองรับความต้องการของตลาด และขยายสู่แฟรนไชส์ให้บริการใน 30 เมือง 6 ประเทศ แต่ไอเดียสร้างสรรค์ไม่หยุด หรือ Never Stop Creating ทำให้ล่าสุดต่อยอดแบรนด์ “เคเค:KK” ไปสู่ “KK Wash (เคเค วอช)” ลุยธุรกิจแฟรนไขส์เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ
การเป็นน้องใหม่จะต่อกรกับเจ้าตลาดทั้งที ไม่ทำคนเดียว เพราะ “เกรียงไกร” ผนึกกับแบรนด์ “ซิงเกอร์” มาช่วยเสริมทัพ เพราะในวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าหมวด “เครื่องซักผ้า” ถือว่าผู้บริโภครู้จักทั่วประเทศ
ทว่า จุดเด่นสำคัญกว่าคือการ ขายแฟรนไชส์ในราคาจับต้องได้ คือ “ต่ำกว่าคู่แข่ง” ในตลาด โดยมีทั้งสิ้น 3 แพ็คเกจ ดังนี้ ไซส์เอส(S)เริ่มต้น 150,000 บาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 9.5 กิโลกรัม(กก.) 1 เครื่อง เครื่องซักผ้า 15 กก 1 เครื่อง อุปกรณ์ตกแต่งร้าน และรายการส่งเสริมการขาย, แพ็กเกจ ไซส์เอ็ม(M) เริ่มต้น 350,000 บาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 9.5 กก. 3 เครื่อง เครื่องซักผ้า 15 กก. 3 เครื่อง เครื่องจ่าหน่ายน้ำยาซักผ้าอัตโนมัติ 1 เครื่อง อุปกรณ์ตกแต่งร้าน และรายการส่งเสริมการขาย และแพ็กเกจไซส์แอล(L) เริ่มต้น 450,000 บาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 9.5 กก. 2 เครื่อง เครื่องซักผ้า 15 กก. 2 เครื่อง เครื่องอบผ้า 10 กก. 2 เครื่องจ่าหน่ายน้ำยาซักผ้าอัตโนมัติ 1 เครื่อง เครื่องแลกเหรียญ 1 เครื่อง อุปกรณ์ตกแต่งร้าน และรายการส่งเสริมการขาย
เมื่อเพิ่งออกตัว จึงต้องโหมโปรโมชั่นดึงลูกค้ามาเป็นแฟรนไชส์ซี ทำให้ไซส์เอ็มเริ่มต้นที่ 99,900 บาท ไซส์เอ็ม เริ่มต้น 239,000 บาท และไซส์แอลเริ่มต้น 349,000 บาท ถึงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ และชำระเป็นเงินสด แต่ยังมีทางเลือกให้ลูกค้า “ผ่อนชำระ” ได้ 24 เดือนด้วย
สำหรับโจทย์ธุรกิจครั้งนี้ “เกรียงไกร” ต้องการสร้างโมเดลที่ช่วยให้ “คนมีรายได้เสริม” ระหว่างทำงานประจำ จึงดึงดูดด้วย “การลงทุนต่ำ” แต่ “คืนทุนเร็ว” ตัวอย่างแพ็คเกจไซส์เอส หากมีลูกค้าใช้บริการซักผ้า 6 ครั้งต่อเครื่องต่อวัน ทั้ง 2 เครื่องจะทำเงินหลักหมื่นต่อเเดือน และคืนทุนภายใน 10 เดือน ส่วนไซส์เอ็มจะคืนทุนใน 8 เดือน ฯ ไม่เก็บเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งรายได้เพิ่มและค่ารายเดือนเพิ่ม รับประกันตัวเครื่องซักผ้า 2 ปี มีศูนย์บริการทั่วประเทศ จากเครือข่ายของซิงเกอร์ เป็นต้น
“โมเดลธุรกิจเราโฟกัสคนที่ต้องการมีรายได้เสริม และเคเค วอช ตอบโจทย์ชีวิตคนยุคนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 เงินเดือนลด แต่ยังต้องการใช้ชีวิตแบบเดิมหรืออยากหาอาชีพใหม่ที่ลงทุนไม่มากนัก”
ขณะที่ตลาดแฟรนไชส์เครื่องซักผ้าจะมีการแข่งขันสูง แต่เรามาด้วยคอนเซปต์ วิธีการใหม่ๆ ลงทุนไม่มากเทียบในตลาดต้องมีเงินทุน 4-5 แสนบาท จนถึงหลักล้าน แต่ของเคเค วอช หากลูกค้ามีพื้นที่ โปรโมชั่นลงทุน 9 หมื่นกว่าบาท ก็ทำได้แล้ว ซึ่งบริษัทจะซัพพลายทุกอย่างให้ รวมถึงช่วยทำการตลาด ถือเป็นโมเดลธุรกิจที่อีโคโนมีมากๆ เพราะไม่ต้องสร้างฐานลูกค้า จำนวนมาก เพียงผู้ใช้บริการซักผ้า 100 คน ก็สามารถอยู่รอดได้
สำหรับตลาดแฟรนไชส์เครื่องซักผ้ามีมูลค่าราว 400-500 ล้านบาท แต่การเติบโตสูง และเมื่อเทียบประเทศมาเลเซียมีประชากร 23-24 ล้านคน แต่ตลาดเครื่องซักผ้ามีมากถึง 2,000 สาขา ไทยจึงมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก ส่วนผู้เล่นในตลาดมี 300-400 ราย แต่ที่มีแบรนด์หลักสิบราย โดยผู้นำตลาดมีจำนวนแฟรนไชส์ราว 250 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ แต่เคเค วอช ตั้งเป้าหมายมีแฟรนไชส์ 200 สาขาทั่วประเทศ และเน้นเจาะทุกพื้นที่ทั่วไทยทั้งระดับอำเภอ ชุมชน และตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 50 ล้านบาท และจะผลักดันให้แบรนด์ “เคเค” สร้างรายได้รวมแตะ “ร้อยล้านบาท”
“เคเค วอช เลือกจะเล่มเกมเล็กในตลาดแฟรนไชส์เครื่องซักผ้า เสนอตัวเป็นทางเลือกให้คนต้องการมีรายได้เสริม เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาเพื่อเป็น Passive income อย่างไรก็ตาม การแตกไลน์ธุรกิจใหม่ไม่หยุดเท่านี้ เพราะบริษัทจะใช้แบรนด์เคเค ปั้นโมเดลธุรกิจใหม่สร้างรายได้อีก 1 ธุรกิจ ช่วยให้คนมีรายได้เสริมอย่างต่อเนื่อง”