'SCN' กางแผน 30+30+30+10 สูตรดันกำไร-รายได้ปี 2564

'SCN' กางแผน 30+30+30+10 สูตรดันกำไร-รายได้ปี 2564

"SCN" วางยุทธศาสตร์ปี 2564 ยึดสูตร 30+30+30+10 ดันรายได้และกำไรเติบโตแข็งแกร่ง ปลื้มปี 63 ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนกำไรโต 7 เท่า

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก จัดกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ (Opportunity Day) โดยนางสาว ยุกานดา วิทยานันท์ นักลงทุนสัมพันธ์ เผยถึงภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทในปี 2563 ผลการดำเนินงานทางการเงิน รวมถึงทิศทางธุรกิจและอัพเดตแผนงานของบริษัทที่น่าจับตามอง

ภาพรวมของบริษัทด้านธุรกิจพลังงานปี 2563 โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ประเทศเมียนมาร์ ขนาด 220 เมกะวัตต์ ที่บริษัทลงทุนผ่าน บริษัท กรีนเอิร์ธ พาวเวอร์ ไทยแลนด์ จำกัด (GEP) สามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ดีเกินคาด สร้างกำไรได้ถึง 180 ล้านบาท ด้วยเป็นโรงไฟฟ้าสำคัญที่ผลิตและจำหน่ายไฟให้กับทางภาครัฐเพื่อส่งต่อไปสู่การนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆเพื่อการพัฒนาประเทศ และโครงการเฟส 2-3 เริ่มการก่อสร้างแล้วคาดว่าจะทยอย COD ได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2564 และ ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป

ด้าน"บริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด" หรือ SAP ที่บริษัทเข้าไปลงทุนเพื่อทำโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ก็สามารถดำเนินงานไปได้อย่างราบรื่น COD อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทได้ลงนามเซ็นสัญญาติดตั้งไปแล้วกว่า 17 เมกะวัตน์ แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดก็ตาม ซึ่งในปี 2564 ตั้งเป้าเพิ่มอีก 30 เมกะวัตต์

ด้านงานซ่อมบำรุงรถบัส NGV จำนวน 489 คันที่ทางบริษัทส่งมอบให้ ขสมก.ไปแล้ว ยังคงสร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทปรับปรุงกระบวนการทำงาน มีประสิทธิภาพเหนือกว่าที่มาตรฐานกำหนด ในขณะที่สามารถบริหารจัดการต้นทุนให้ต่ำลงได้

อีกทั้งเมื่อช่วงปลายปี 2563 บริษัทยังได้ประกาศข่าวดีลงนามสัญญาซ่อมบำรุงรักษาสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) ปตท. มูลค่ากว่า 195 ล้านบาท ตอกย้ำความแข็งแกร่งการเป็นผู้นำด้านก๊าซธรรมชาติสมฉายา 'The King of NGV' ทั้งบริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารจัดการงานธุรกิจก๊าซได้อย่างดี ด้วยการบริหารจัดการที่ดีภายในและการเปลี่ยนแปลงตัวเองตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ด้านผลการดำเนินงานทางการเงินปีที่ผ่านมา ยังคงมีรายได้หลักจากธุรกิจจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ ในขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทนมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โตขึ้นอย่างก้าวกระโดด  มีกำไรในกลุ่มธุรกิจพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงกว่า 7 เท่า ส่งผลให้ปี 2563 บริษัทมีรายได้จากการลงทุนและดำเนินงานรวม 1,495.7 ล้านบาท รับรู้กำไรอยู่ที่ 43.4 ล้านบาท และมีกำไรสะสมสูงถึง 591.19 ล้านบาท สะท้อนสถานะทางการเงินที่มั่นคง ทางบริษัทจึงเตรียมเสนอมติขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุม AGM ของบริษัทช่วงเดือนเมษายนนี้ เพื่อจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.0425 บาท

 

นางสาว ยุกานดา เผยว่าปี 2564 บริษัทมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับทุกประเทศธุรกิจด้วยกลยุทธ์ "30+30+30+10" คือ 30 : จำหน่ายและให้บริการก๊าซธรรมชาติ โดยมุ่งสร้างรายได้จากการจำหน่ายและบริการ iLNG iCNG ให้มากขึ้น

30 : พลังงานทดแทน คือสร้างรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่องจากโครงการมินบูและ solar rooftop ของ SAP 30 : ยานยนต์ คือสร้างความพร้อมในการเข้าแข่งขัน และมองหาโอกาสใหม่ในธุรกิจยานยนต์ และ 10 : โลจิสติกและธุรกิจอื่นๆ คือ เพิ่มช่องทางเพื่อสร้างผลกำไรสูงสุดในธุรกิจขนส่ง ขนถ่ายสินค้า มุ่งเน้นการให้บริการที่กว้างและครอบคลุมมากขึ้น

รวมถึงแสวงหาโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากธุรกิจประเภทอื่นๆ โดยนำองค์ความรู้และศักยภาพด้านการดำเนินงานที่บริษัทมีมาใช้เป็นกำลังสำคัญ เช่นการนำความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มี มาพัฒนาต่อยอดและการบูรณาการใน"บริษัท สแกน ไอซีที จำกัด" หรือ SCAN ICT ที่ปัจจุบันได้รับงานพัฒนาปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญให้แก่ภาครัฐและเอกชนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเป็นธุรกิจสนับสนุนที่มาเสริมให้ผลการดำเนินงานรวมของปี 2564 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง