หยวนต้าส่องหุ้น 'SCC'โอกาสสำหรับเข้าลงทุน เป้า 440 บาท
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ "SCC" แนะนำเป็นโอกาสดีสำหรับการเข้าลงทุน รับผลดีต้นทุนจะลดลง จากทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นได้อีกไม่มาก ให้ราคาเป้าหมายที่ 440 บาท
ราคาน้ำมัน - การปรับน้ำหนัก FTSE กดดันหุ้น Underperform
นับตั้งแต่ต้นปี 2564 ราคาหุ้น SCC ปรับตัว -1% นับว่า Underperform SET ที่ +8%, SCGP +10%, SCCC +20% และหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC IVL IRPC) +14% มองว่าสาเหตุหลักมาจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันดิบ +33% YTD และราคาถ่านหิน +12% YTD ซึ่งจะกดดันอัตรากำไรของธุรกิจปูนซีเมนต์-วัสดุก่อสร้าง และธุรกิจปิโตรเคมี
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เหลือของปีเราประเมินว่าระดับราคาน้ำมันดิบ และราคาถ่านหิน ณ ปัจจุบันนับว่ามี Upside ที่จำกัดแล้ว เพราะอุปสงค์จะชะลอลงหลังอุณหภูมิเริ่มอบอุ่นขึ้น OPEC+ และคาดว่าจะทยอยเพิ่มปริมาณผลิตเข้าสู่ตลาด รองรับความต้องการในตลาดที่สูงขึ้น และลดความร้อนแรงของราคาน้ำมันเพื่อป้องกันผู้ผลิต Non-OPEC กลับสู่ตลาด
แต่...บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้ / Spread ปิโตรยังขยายตัว
แม้ราคาพลังงานที่สูงขึ้นจะกดดันอัตรากำไรของ SCC อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถลดผลกระทบดังกล่าวด้วยการควบคุม – บริหารประสิทธิภาพการผลิต อาทิ การ Lock ราคาถ่านหินล่วงหน้าไปราว 60% ของความต้องการใช้, เพิ่มการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในจากการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์จาก 67 MW เป็น 94 MW, และเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงจากขยะ – RDF จาก 19% เป็น 25% ทดแทนการใช้ถ่านหิน นอกจากนี้ ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี 1QTD ยังสูงขึ้น QoQ จากอุปสงค์ในตลาดที่แข็งแกร่งท่ามกลางอุปทานตึงตัวจากปัญหาการผลิตในสหรัฐฯ และตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน
ธุรกิจยังไปได้ดี...มีปัจจัยรองรับเติบโต 1-2 ปีข้างหน้า
เราประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการ 1Q64 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี หนุนจากธุรกิจปูนซีเมนต์ – วัสดุก่อสร้างฟื้นตัวตามปัจจัยฤดูกาล, โรงงานปิโตรเคมีกลับมาผลิตตามปกติหลังผ่านปิดซ่อมบำรุงใหญ่ใน 4Q63, Spread ปิโตรเคมีสูงขึ้น, กำไรสินค้าคงคลัง, ไม่มีค่าใช้จ่ายด้อยค่าสินทรัพย์เหมือนใน 4Q63, และได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (ทุก 1 บาท/ดอลลาร์มีผลต่อกำไร 1.5 พันล้านบาท/ปี)
สำหรับ 1 – 2 ปีข้างหน้า SCC จะสามารถเติบโตจาก 1) การขยายกำลังผลิตปิโตรเคมีจาก 5 ล้านตัน เป็น 8.3 ล้านตัน (MOC debottleneck 3.5 แสนตันช่วงกลางปี 2564 และ Longson 2.95 ล้านตันช่วงกลางปี 2566) 2) การเติบโตของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ตามกระแส E-commerce และการ M&A 3) การขยายสู่การค้าปลีก– โซลูชั่นของธุรกิจวัสดุก่อสร้าง 4) ต้นทุนทางการเงินลดลงจากการ Refinance หุ้นกู้ครบกำหนด (เตรียมออกหุ้นกู้ 1.5 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ย 2.65% ทดแทนหุ้นกู้ครบกำหนด 2.5 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ย 3.25%)
ราคาหุ้น Laggard อยู่มาก พร้อมรับเงินปันผลงวด 2H63
คงราคาเหมาะสม 440.00 บาท และคำแนะนำ “ซื้อ” จากความน่าสนใจ 1) ราคาหุ้น Laggard ทั้ง SET, SCGP, SCCC, กลุ่มปิโตรเคมี โดยซื้อขายบน PBV ที่ 1.4x นับว่ามีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยระยะยาวเกือบ -2.0SD และต่ำกว่ากลุ่มพลังงาน - ปิโตรเคมีที่ซื้อขายกันในช่วง -1.0SD ถึง +0.5SD
2) เป็นหุ้น Big cap. ที่เป็นเป้าหมายของกระแสเงินทุนต่างชาติ ซึ่งมีแนวโน้มไหลเข้าตลาดหุ้นไทยครั้งแรกในรอบ 4 ปี 3) มีเงินปันผลงวด 2H63 จำนวน 8.50 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 2.3% ซึ่งรอจะ XD วันที่ 8 เม.ย. 2564 เชิงกลยุทธ์นักลงทุนอาจใช้จังหวะทยอยสะสมช่วงหุ้นอ่อนตัวจากปรับน้ำหนักดัชนี FTSE วันที่ 19 มี.ค. โดย SCC อาจมีแรงขายปรับพอร์ต 5– 10 ล้านเหรียญฯ