อคส.ฟันวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่ทุจริตถุงมือยาง ส่งป.ป.ช.เอาผิดทางอาญา

อคส.ฟันวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่ทุจริตถุงมือยาง ส่งป.ป.ช.เอาผิดทางอาญา

“จุรินทร์”ลั่น เอาผิดเจ้าหน้าที่ทุจริตถุงมือยางทั้งแพ่งและอาญา ด้านอคส.เตรียมส่งสำนวนการสอบสวน 900 กว่าหน้าให้ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญา มั่นใจตามเงิน 2 พันล้านบาทกลับได้ทั้งหมด พร้อมตั้งกก.สอบวินัยร้ายแรงและกก.สอบความผิดทางละเมิด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท  จากนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า(อคส.) พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง   โดยคณะกรรมการฯมีมติ 3 ข้อ คือ 1.ผู้ถูกกล่าว 3 คน มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงจึงเห็นควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งจะมีโทษสูงสุดถึงไล่ออกหรือให้ออก 2.คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพบความเสียหายที่ก่อให้เกิดกับองค์การคลังสินค้าประกอบด้วยเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย และบวกความเสียหายอื่นๆ จึงเห็นควรตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงการกระทำผิดทางละเมิดตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ปี 2539 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ปี 2539 และ 3.เห็นควรส่งผลการสืบสวนข้อเท็จจริงไปยัง ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาในการไต่สวนคดีจัดซื้อถุงมือยางของ อคส.ต่อไป

161613947578

" ได้กำชับและสั่งการว่าให้เร่งดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงให้บังเกิดผลต่อไปโดยเร็วที่สุดเพื่อแจ้งให้สาธารณะรับทราบว่า อคส.มีความตั้งใจในการหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็วจะไม่ปล่อยไว้ใครกระทำความผิดและเกี่ยวข้องกับการกระทำที่มิชอบจะจัดการโดยเด็ดขาด ทั้งเรื่องทางวินัย ทางแพ่ง หรือทางอาญา และกำชับให้ผู้อำนวยการ อคส.ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการทุกชุดที่ชอบด้วยกฎหมายให้เต็มที่ เพื่อให้สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้โดยเร็วที่สุดและเพื่อให้ชดใช้ความเสียหายที่เกิดกับ อคส.ให้ได้เร็วที่สุด " นายจุรินทร์ กล่าว

ด้านนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า(อคส.) กล่าวว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 3คนแบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ อคส.ระดับบริหาร 8 จำนวน 2 คนและระดับ 9 จำนวน  1 คน โดยทั้ง 3 คน ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแต่ทางอคส.มั่นใจว่าพยานหลักฐานมีเพียงพอที่จะชี้มูลความผิดร้ายแรงได้  ซึ่งทางอคส. มีอำนาจครอบคลุมเฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของอคส.ส่วนผู้ที่อยู่ในตำแหน่งอื่นและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เป็นอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.จะดำเนินการเอาผิดต่อไป เพราะในเอกสารที่จัดส่งให้ครอบคลุมทุกประเด็นแล้ว ขณะที่สัญญาซื้อขาย ที่อคส.ทำกับเอกชนนั้นทางทีมกฎหมายของอคส.ชี้ว่า สัญญาไม่มีนิติสัมพันธ์หรือสัญญาไม่สมบูรณ์ อคส.เท่ากับอคส.ไม่ได้ทำสัญญาใดๆกับเอกชน

ในส่วนของป.ป.ช.นั้นทางอคส.จะส่งสำนวนการสอบข้อเท็จจริงที่มีกว่า 900 หน้าให้กับป.ป.ช.ดำเนินการสอบสวนเพื่อชี้มูลความผิดทั้งทางวินัยและทางอาญา สำหรับเงินค่ามัดจำ 2,000 ล้านบาทนั้นมั่นใจว่าจะสามารถนำกลับคืนมาได้ครบหมดพร้อมดอกเบี้ยและผลประโยชน์อื่นใดที่หายไป

 สำหรับผู้ถูกกล่าวหา 3 คน ประกอบด้วย  พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส.นายเกียรติขจร แซ่ไต่  และนายมูรธาธร คำบุศย์  เจ้าหน้าที่ อคส. ระดับบริหาร 8