'ตร.'ยันสลายชุมนุมตามหลักสากลคุมตัว20รายดำเนินคดีพบมีคนผิด'ม.112'
"ตร." เผย จำเป็นต้องใช้เครื่องกีดขวาง "ม็อบRedem" เหตุกระทบสถานที่สำคัญ ย้ำ ยุทธวิธีตามหลักสากลเตือนทุกระยะ ตร.ต้องบังคับใช้กม.เคร่งครัด "รองผบช.น" เผยดำเนินคดี 20 ราย ใช้อาวุธ ต่อสู้ขัดขวางจนท. พบ คนทำผิด "ม.112" ฝาก ปชช.แจ้งเบาะแสมือขว้างระเบิด
พลตำรวจตรี ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ความวุ่นวายในการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า รีเด็ม (REDEM)
โดยโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า การชุมนุมในขณะนี้ยังอยู่ในการประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉิน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในที่สาธารณะ พร้อมย้ำความจำเป็นในการใช้เครื่องกีดขวาง เนื่องจากกังวลว่า การชุมนุมจะกระทบต่อสถานที่สำคัญ อีกทั้ง ไม่ต้องการให้การชุมนุมนำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงจำเป็นต้องระงับยับยั้งไว้ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผู้ชุมนุมและสถานที่สำคัญ
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การใช้ยุทธวิธีเป็นไปตามหลักสากล และทุกขั้นตอนมีการประกาศแจ้งเตือนทุกระยะ ซึ่งตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงสรุปเหตุการณ์การชุมนุม โดยเริ่มตั้งแต่เวลา17.00 น. เริ่มมีกลุ่มผู้ชุมนุม ชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวงและบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยต่อมา เวลา 17 .22 น. กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เดินทางเข้าพื้นที่ท้องสนามหลวง
เวลา 17.35 น. ตำรวจประกาศแจ้งเตือนกลุ่มผู้ชุมนุม ว่าการชุมนุมเข้าข่ายความผิดกฎหมายแต่กลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่ตำรวจออกนอกพื้นที่ ,เวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มรื้อถอนแนวกีดขวางและต่อมาได้ร่วมกันเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งเป็นอีกฝั่งของตำรวจ โดยมีการใช้ก้อนหินลูกแก้วและลูกเหล็ก รวมทั้งประทัดยักษ์โยนเข้าใส่กลุ่มตำรวจ ซึ่งตำรวจพบว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม และตำรวจยังพบว่า มีความพยายามทำลายทรัพย์สินราชการ เช่น กล้องวงจรปิด
จากนั้น ตำรวจประกาศแจ้งเตือนอีกครั้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตำรวจเห็นว่า กลุ่มผู้ชุมนุมยังมีความพยายามในการบุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ในสถานที่สำคัญ ตำรวจจึงจำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีฉีดน้ำแรงดันสูง และผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้พ้นจากสนามหลวง
ต่อมาเวลา 20.50 น. ตำรวจสามารถรักษาพื้นที่ท้องสนามหลวงไว้ได้ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมกระจายตัวออกไปในบริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และบริเวณแยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจากนั้น ตำรวจพบ มีกลุ่มผู้กระทำผิดจุดไฟขึ้นหลายแห่ง บริเวณถนนราชดำเนิน บริเวณหน้ากองสลากและท้องสนามหลวง โดยพบว่ารถยนต์ทรัพย์สินของตำรวจได้รับความเสียหายหลายคัน
หลังจากที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ตำรวจจับผู้กระทำผิดได้ 20 คน ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมโดยผิดกฎหมาย ความผิดตามพระราชกำหนดฉุกเฉินฯ และความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมโรค รวมทั้ง ข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองโดยใช้อาวุธและกำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรค 1 และ วรรค 2 และความผิดฐานต่อสู้ ขัดขวางและทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 และมาตรา 140
นอกจากนี้ตำรวจยังจับผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลผู้ที่เข้าข่ายกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพิ่มเติมอีกหลายคน ส่วนผู้ชุมนุมที่กระทำความผิดเล็กน้อยตำรวจได้เปรียบเทียบปรับและปล่อยตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ส่วนที่เหลือถูกควบคุมตัวไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ปทุมธานี เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลตามกฎหมายต่อไป
และจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 11 นาย โดยได้รับอันตรายจากการโดนก้อนหิน และสะเก็ดประทัดยักษ์ตามร่างกาย โดยอยู่ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่พบเห็นบุคคลต้องสงสัย ที่ตำรวจมีหลักฐานเป็นภาพขณะที่เขาพยายามขว้างวัตถุคล้ายระเบิด หรือ ประทัดยักษ์ เข้าใส่ในพื้นที่ชุมนุมเมื่อวานนี้หลายครั้ง โดยผู้ที่พบเห็นสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ และสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม