วัดใจรายย่อยแสนราย “การบินไทย” ก่อนเปิดซื้อขายหุ้นรอบสุดท้าย
ใครที่ยังถือหุ้นและลงทุนในหุ้นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI รอด้วยความจดจ่อหลังมีความหวังการเปิดให้มีการซื้อขาย 1 เดือน
ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์จะหยุดพักการซื้อขายเพื่อให้บริษัทแก้ไขส่วนทุนที่ติดลบกับมาเป็นบวก ซึ่งการเปิดซื้อขายวันแรกของ THAI จึงมีความน่าสนใจไม่น้อย
ด้วยจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ 3 ก.ค. 2563 มีจำนวน 110,500 ราย หรือคิดเป็น 52.14 % ของสัดส่วนจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้ต้องมาไล่เซ็คดูแล้วว่าจะยอมเสี่ยงไปกับผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง “กระทรวงการคลัง” เพื่อนำพาแผนฟื้นฟูกิจการผ่านด้านเจ้าหนี้ ผ่าตัดองค์กร จนกลับมาซื้อขายได้อีกครั้ง ซึ่งไม่มีใครการันตรีได้ว่าจะเมื่อไร หรือเลือกที่จะทิ้งหุ้นสายการบินแห่งชาตินี้เพื่อรอลงทุนอีกครั้งเมื่อธุรกิจพร้อมเติบโต
เนื่องจากตามแผนงานฟื้นฟูกิจการของคณะผู้บริหารแผนได้ออกมาแจกแจงรายละเอียดชัดเจนแล้วว่า ตามเวลาที่ให้บริษัทแก้เหตุเพิกถอนให้หมดภายใน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2564 อาจจะยังไม่สามารถแก้ไขเหตุเพิกถอนให้หมดไปได้ เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทยังมีค่าน้อยว่าศูนย์
ตามแผนงานบริษัทมีการปรับโครงสร้างทุน และโครงสร้างหนี้ ด้วยการเพิ่มทุน การให้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนแก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟู เพื่อเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นและลดภาระหนี้สิน และยังมีแนวทางรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ –ลดค่าใช้จ่ายให้บริษัท
ประกอบไปด้วย การปรับลดขนาดฝูงบิน ปรับลดแบบเครื่องบิน เครื่องยนต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริหารกำลังลูกเรือ และลดต้นทุนในการซ่อมบำรุง
ปรับปรุงสัญญาเช่าเครื่องบินและเจรจาต่อรองปรับลดค่าเช่าเครื่องบินทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ปรับเปลี่ยนเส้นทางการบิน และยกเลิกเส้นทางที่ทับซ้อนให้ผลตอบแทนต่ำ รวมถึงการปรับลดขนาดองค์กรและขั้นตอนการบังคับบัญชา รวมถึงปรับปรุงสวัสดิการของพนักงานให้เหมาะสม
เมื่อประเมินตามแนวทางดังกล่าวและการเรียกประชุมเจ้าหนี้วันที่ 12 พ.ค. 2564 หากได้รับมติเห็นชอบแล้ว ศาลจะมีการนักพิจาณาแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน หลังประชุมเจ้าหนี้หรือในเดือน มิ.ย.-ก.ค. 2564 และหากศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้บริหารแผนบริษัทจะสามารถดำเนินการ
ดังนั้นภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการเบื้องต้น บริษัทคาดจะกลับม่มีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติจากธุรกิจหลักได้ในปี 2566 และส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจะกลับมามีค่ามากกว่าศุนย์ได้ในปี 2573 นั้นหมายถึงระยะเวลามากถึง 9 ปี
อย่างไรก็ตามหากใครที่ติดตามราคาหุ้นของ THAI มาตลอดในช่วงปี 2563 เห็นได้ว่าเป็นหุ้นมหัศจรรย์ 10 เด้ง อย่างไม่น่าเชื่อ จากช่วงเม.ย. 2563 ที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนักในไทยจนมีประกาศภาวะฉุกเฉิน ล็อกดาวน์ ปิดให้บริการแหล่งชุมนุนที่คนหมู่มากรวมตัว งดการเดินทาง เครื่องบินลำร้อยลำจอดทิ้งเปล่ากลางรันเวย์
การบินไทยผู้ได้รับผลกระทบหนักกว่าสายการบินอื่นในไทยเพราะมีปัญหาหนี้และประสิทธิภาพในดำเนินธุรกิจย่ำแย่อยู่แล้ว แต่ปรากฎราคาหุ้น 7 วันทำการ (1-10 เม.ย. 2563) กลายราคาหุ้นบวก จากราคา 3.18 บาท มาอยู่ที่ 6.35 บาทหรือเพิ่มขึ้นเกือบ 100 % และระหว่างทางราคาหุ้นยังร้อนแรงจนขึ้นมาแตะซิลลิ่งของวันติดๆกันถึง 5 วันทำการ
จากกระแสข่าวลือ ข่าวปล่อยว่าทุนใหญ่จะเข้ามาซื้อกิจการจนทำมห้ธุรกิจกลับมามีกำไร รวมไปถึงเจ้าสัวแสนล้านเข้าซื้อธุรกิจโรงแรมที่อยู่ทำให้เกิดความหวังมีสภาพคล่องเข้ามาดำเนินธุรกิจ ซึ่งในท้ายที่สุดกระแสดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นและกลายเป็น THAI เผชิญวิกฤติหนักกว่าเดิมจนมาถึงทางเลือกสุดท้ายต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายทางเทคนิคไปโดยปริยาย
การเปิดให้มีการซื้อขาย 1 เดือนที่เกิดขึ้นจึงทำให้ต้องเฝ้าจับตาราคาหุ้น THAI อีกครั้งว่าจะมาพร้อมกับข่าวบวกที่พาหุ้น ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงเหมือนในปี 2563 หรือเป็นเพียงหุ้นที่ฉุดราคาร่วงเป็นฝันร้ายของอดีตหุ้นใหญ่รัฐวิสาหกิจเข้าสู่ตลาดหุ้นด้วยราคาไอพีโอ 60 บาท