"รอง ผบ.ตร." แถลงมาตรฐานตั้งด่าน หลายเมืองใหญ่ พร้อมถูกตรวจสอบ ส่วนด่าน กทม.คาดจริงจัง 1 เม.ย.ควบคู่บังคับใช้กม.ใหม่ ทันเทศกาลสงกรานต์ วางกำลังรับมือ 10- 16 เม.ย.7 วันอันตราย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลัง พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งอยดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ทุกพื้นที่ รับทราบในเรื่องการตั้งด่านตรวจ ที่ต้องมีความพร้อมตามมาตรฐานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา คือ มีความโปร่งใส เป็นมาตรฐาน ตรวจสอบได้ โดยการใช้เทคโนโลยี พร้อมถูกตรวจสอบจากประชาชน
สิ่งที่จะทำให้โปร่งใสได้ คือ กล้องซีซีทีวีเคลื่อนไหวได้ ที่จะต้องมีประจำตัว ตำรวจ ผู้ตรวจ และด่านต่างๆ เช่น ด่านกวดขันวินัยจราจร ด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ด่านตรวจวัดมลพิษทางอากาศ ด่านอาชญกรรม ฯลฯ จะต้องมีป้ายที่มีมาตรฐานเดียวกัน และนำเทคโนโลยีมาใช้ อาทิ ด่านเมา จากเดิมเคยมีปัญหาร้องเรียนต่างๆ ก็จัดให้มีกล้องบันทึกภาพแบบเรียลไทม์ไว้ประจำจุดที่มีการยืนยันผลด้วย
ส่วนการจะตั้งจุดตรวจจะมีผู้ควบคุมกำกับดูแล คือ ผู้บังคับการในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ จะมีป้ายแสดงข้อความ หากต้องการร้องเรียนได้ที่สายด่วนตร.1599 และเบอร์โทรศัพท์ผู้บังคับการในพื้นที่นั้นๆ
พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทาง ผบ.ตร.ได้ให้จัดทำฐานข้อมูล TPCC (Traffic Police Checkpoint Control) เพื่อกำหนดจุดตั้งด่าน ลงรายชื่อผู้ปฏิบัติในด่านต่างๆ ลงในแผนที่ ซึ่งผู้บังคับบัญชาสามารถตรวจสอบ การตั้งจุดตรวจ มีการซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับการหรือไม่ ด่านทุกด่านจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับการ ซึ่งจะต้องมีเหตุผลในการตั้งด่าน อาทิ บริเวณจุดตั้งด่านมีอาชญากรรมสูง มีการแข่งขันของเยาวชน หรือรับข้อมูลว่าเป็นทางผ่านขนยาเสพติด เป็นจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบ่อย หรือมีสถานบริการอยู่จำนวนมากที่ต้องตั้งเพื่อป้องปราบผู้ที่เมาแล้วขับ ฯลฯ ยกเว้นกรณีเดียวที่ไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับการในกรณีฉุกเฉิน คือ การสกัดจับคนร้าย
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตอนนี้หลายสถานีมีความพร้อม มีการจัดตั้งด่านตรวจที่มีมาตรฐานไปแล้วส่วนหนึ่ง ในเมืองใหญ่ๆ อาทิ จ.อุบลราชธานี จ.นครราชสีมา เมื่อมีความพร้อมแล้ว 1 เมษายนนี้ เราก็อยากจะให้บังคับใช้กฎหมายเลย เนื่องจากใกล้ช่วง 7 วันอันตราย สำหรับกรุงทพฯ ยังไม่ได้ตั้งจริงจัง ซึ่งหากมีความพร้อมอาจจะเริ่ม 1 เมษายน เช่นกัน
ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องกลับมาตั้งด่านตรวจของตำรวจ เนื่องจากการชะลอตั้งด่านไว้ ได้กลับมาศึกษาข้อดี ข้อเสีย จนคณะทำงานเห็นว่าการไม่มีด่านเลย จะมีข้อเสียเรื่องการบังคับใช้กฎหมายในด้านต่างๆ มีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเมาแล้วขับ การขับจยย. ในเลนห้ามวิ่ง เป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่น ปัญหาการไม่สวมหมวกกันน็อคเพิ่มมากขึ้น ปัญหายาเสพติด รวมไปถึงการหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว หากไม่มีด่านสกัดต่างๆ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้น เรื่องด่านจึงมีความจำเป็น แต่ต้องทำให้รอบคอบ รัดกุม โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมที่จะถูกร้องเรียนและแก้ปัญหาให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ออกมาจะป้องกันการทุจริตได้พอสมควร เนื่องจากก่อนตั้งด่านต้องขออนุญาตผู้บังคับการ และผู้กำกับการ เจ้าของพื้นที่ หากเกิดการทุจริตผู้บังคับบัญชาที่อนุญาตให้ตั้งจุดตรวจต้องรับผิดชอบ ในส่วนที่กำกับดูแลไม่ดีพอ
พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชน ด้านการจราจร ที่จะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนา ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ปีนี้รัฐบาลกำหนดวันที่ 10-16 เมษายน เป็นช่วง 7 วันอันตราย ซึ่งเราเชื่อว่าประชาชนจะเดินทางออกนอกกรุงเทพฯ ประมาณวันที่ 9-10 เมษายน และทยอยเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 15-18 เมษายน โดยคาดการณ์ว่าปริมาณคนเดินทางออกต่างจังหวัดจะใกล้เคียงกับสงกรานต์ปี 2562 ซึ่งได้เตรียมการเรื่องเส้นทางต่างๆ ช่วงมอเตอร์เวย์ ตั้งแต่ ลำตะคอง - สีคิ้ว จะมีการเปิดใช้เส้นทางเพิ่ม 2 ช่องทาง ตั้งแต่วันที่ 9-13 เมษายน และขากลับตั้งแต่วันที่ 14-19 เมษายน เชื่อว่าจะแบ่งเบาการจราจรไปทางถนนมิตรภาพได้เยอะพอสมควร เชื่อว่าการวางแผนอย่างต่อเนื่อง จะทำให้การจราจรไม่ติดขัดจนเกินไป