จ่อฟัน 'ม็อบ' ตะโกนไล่ 'นายกฯ' ผิด 'พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.โรคติดต่อ'
'รองผบช.น.' เผยคุมสถานการณ์ม็อบสะพานชมัยมรุเชฐ อย่างละมุนละม่อม เตรียมเอาผิดผู้ชุมนุมหลายข้อหา
31 มี.ค. 2564 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมทางการเมือง บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ช่วงบ่ายจนกระทั่งถึงค่ำวานนี้ (30 มี.ค.)ว่า ทั้งนี้ ภาพรวมโดยทั่วไปถือว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปโดยสงบได้ โดยมีเหตุกระทบกระทั่งเล็กน้อย จากกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหลัง ที่พยายามไม่ปฏิบัติตามคำเตือนของเจ้าหน้าที่ ต้องมีการเจรจาขอความร่วมมือหลายครั้ง จึงยอมไปอยู่ในจุดที่กำหส่วนเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย ในช่วงนี้ยังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ และตามคำสั่งก็ระบุชัดเจนตามมาตรา 9 เรื่องการห้ามมิให้มีการชุมนุม มั่วสุม หรือทำกิจกรรมใดๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทำให้ต้องมีการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมทุกกลุ่มอย่างน้อยใน 2 ข้อหา คือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเสี่ยงต่อการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ
พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยอีกว่า ส่วนจะมีบุคคลใดเข้าข่ายต้องถูกดำเนินคดีบ้าง ต้องรอผลการตรวจสอบภาพ คลิปวิดีโอก่อน นอกจากนี้ยังมีข้อหาอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาด้วย เช่น กรณีการไม่ปฏิบัติตามประกาศ พยายามฝ่าฝืนก่อความวุ่นวายในการชุมนุม ก็ต้องนำไปพิจารณาว่ามีกี่คนที่เข้าข่ายต้องถูกดำเนินคดี เป็นความผิดฐานพยายาม หรือกระทำการ ส่วนความผิดฐานกีดขวางจราจร แม้ผู้ชุมนุมจะอ้างว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำตู้คอนเทนเนอร์ไปวางกีดขวางเอง แต่ในข้อเท็จจริง ยังมีการเปิดการจราจรบางส่วนตามปกติอยู่ อีกทั้งผู้ชุมนุมได้ลงไปทำกิจกรรมบนพื้นผิวถนน ไม่ปฏิบัติตามคำเตือนที่ประกาศให้อยู่บนทางเดินเท้า ก็จำเป็นต้องดำเนินคดีข้อหานี้ด้วย