สำนักพุทธฯยัน 2 'พระร่วมม็อบ'สึกโดยสมัครใจ
สำนักพุทธฯ เผย 2 "พระร่วมม็อบ" พ้นจากความเป็นสงฆ์ตามกฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 21 มีการบันทึกสารภาพไว้ชัดเจนว่า ได้ลาสิกขาโดยสมัครใจ
จากกรณี "พระภิกษุ" 2 รูป ร่วม "ชุมนุมทางการเมือง"แล้วถูกเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ให้สละสมณเพศไปแล้ว แต่กลับพบว่ามีข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ว่าพระที่ถูกจับสึกกลับมาห่มจีวรอีกครั้ง โดยอ้างว่าไม่ได้เปล่งวาจาสึก และยังคงเป็นพระสงฆ์อยู่
- "พระร่วมม็อบ 2 รูป สมัครใจสึกตามกฎมหาเถรสมาคม
นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ในฐานะโฆษกพศ. กล่าวว่า "พศ."พิจารณาแล้วเห็นว่าประเด็นดังกล่าว หากไม่นำเสนอความจริงต่อสังคมอาจทำให้เป็นกระแสกระทบต่อความมั่นคงของ"พระพุทธศาสนา"ได้ จึงขอยกเอาแนวทางและหลักการ กรณี "พระภิกษุ"พ้นจากความเป็นสงฆ์ โดยไม่ได้เปล่งวาจามาบอกกล่าวในข้อเท็จจริง ดังนี้
"พระภิกษุ" 2 รูปดังกล่าว "พ้นจากความเป็นสงฆ์"ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 (พ.ศ. 2538) ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ในกรณี "พระภิกษุ"รูปใดไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่งหรือไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ให้พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองวัดหรือ "พระภิกษุ" ผู้ดำรงตำแหน่งปกครองสงฆ์ในเขตท้องที่ที่พบ "พระภิกษุ"รูปนั้น มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัย ให้ "พระภิกษุ" รูปนั้นสละสมณเพศเสียได้
- สึกแล้ว "พระร่วมม็อบ"ถ้ายังห่มผ้าเหลืองผิดกฎหมาย
นายสิปป์บวร กล่าวต่อว่า ตามที่ปรากฏมี "พระภิกษุ"มาร่วม "ชุมนุมทางการเมือง" 2 รูป ถูกเจ้าคณะผู้ปกครองให้สละสมณเพศ ประกอบด้วย 1.พระประนมกร พุทฺธิเชฏฺโฐ สังกัดวัดเลียบ จ.สุรินทร์ หรือนายประนมกร ปราณีต 2.พระวิรัช กิตฺติญาโณ สังกัดวัดราษฎร์รังสรรค์ จ.กระบี่ หรือนายวิรัช แซ่คู พ้นจากความเป็น "พระภิกษุ"เหตุไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 (พ.ศ. 2538) ว่าด้วยการให้ "พระภิกษุ"สละสมณเพศ และได้บันทึกสารภาพยอมรับผิด สมัครใจที่จะลาสิกขา โดยมีพยานประกอบด้วยเจ้าคณะแขวงดุสิต เจ้าคณะแขวงถนนนครไชยศรี พระวินยาธิการ(ตร.พระ) เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่พศ. และได้บันทึกไว้ในหนังสือสุทธิว่า ได้ลาสิกขาโดยสมัครใจ เพราะ ต้นสังกัดเดิมไม่รับรอง
ดังนั้น การที่นายประนมกร ปราณีต และนายวิรัช แซ่คู เอาผ้าเหลืองมาห่มแล้วอ้างว่า ยังเป็นสงฆ์อยู่ เพราะไม่เปล่งวาจาสึก ถือว่าเป็นการ "แต่งกายเลียนแบบสงฆ์" มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 4 ความผิดเกี่ยวกับศาสนา มาตรา 208 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ