‘ไทย’ เป้าหมายถ่ายหนังต่างประเทศ เงินสะพัดพันล้านบาท

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับข้อมูลของนายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูต ประธานคณะกรรมการพิจารณาคำขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ และวีดิทัศน์จากต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย (คณะที่ 2) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ประเทศไทยยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญของการคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ ด้วยกฏระเบียบที่เอื้อต่อการถ่ายทำ ขั้นตอนที่รวดเร็ว และมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำ

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 นี้ มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในไทยแล้วจำนวน 26 เรื่อง จากข้อมูลของนายนริศโรจน์ ทำรายได้เข้าประเทศแล้วกว่า 1,183 ล้านบาท ปัจจุบัน มีคณะถ่ายทำภาพยนตร์ที่มีมูลค่าการลงทุนตั้งแต่เรื่องละหลักหลายร้อยล้านบาท จนถึงหนึ่งพันล้านบาท จ่อคิวขอเข้ามาถ่ายทำในไทยอย่างน้อย 4 - 5 เรื่องแล้ว

นายธานี กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้ไทยเป็นหมุดหมายสำคัญของคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศมีอยู่หลายประการ

1. ระยะเวลาขออนุญาตถ่ายทำ มีความรวดเร็ว ถ้าเอกสารครบถ้วน จะได้รับอนุมัติภายในไม่เกิน 5 วันทำการ เพราะคณะพิจารณาคำขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ หรือ “Film Board” มีคณะกรรมการ 3 ชุด เตรียมไว้รองรับ ซึ่งจะประชุมทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ทำให้การพิจารณามีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก

2. ทีมงานไทยมีประสบการณ์กับกองถ่ายระดับโลกจากประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะฮอลลีวู้ด ปัจจุบันไทยมีสตูดิโอและอุปกรณ์การถ่ายทำที่มีคุณภาพและครบครัน เช่น กล้องระดับดีที่สุดของโลก ฉากหนังใหญ่/หนังโฆษณา เช่น ฉากรถไฟใต้ดินในนิวยอร์ก ฉากย่านกินซ่า ฉากไซไฟแนวแฟนตาซี ฯลฯ ล้วนถ่ายในสตูดิโอในไทยทั้งสิ้น

3. ไทยมีโลเคชั่นที่สวยงาม และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อม

4. มีมาตรการสนับสนุนการถ่ายทำ คือ ถ้าหนังเรื่องใดมีการลงทุนด้วยงบเกิน 50 ล้านบาท มีบทที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทย และใช้ทีมงานไทยเป็นส่วนใหญ่ จะมีระบบคืนเงิน (cash rabate) สูงถึง15 - 20%

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย กองถ่ายต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย ยังไม่พบผู้ที่ติดเชื้อโควิด และคณะทั้งหมดได้ผ่านกระบวนการคัดกรอง กักตัว และตรวจหาเชื้อตามมาตรการของรัฐบาลทุกประการ 

ในยุคนิวนอร์มอล ธุรกิจอุตสาหกรรมถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ยังคงมีความแข็งแกร่ง เป็น soft power ด้านหนึ่งที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ และจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยในยุคหลังโควิดต่อไป