บิกคอร์ปหนุนจ้างงานผู้สูงวัย

บิกคอร์ปหนุนจ้างงานผู้สูงวัย

ธุรกิจยักษ์ใหญ่ส่งเสริมจ้างงานผู้สูงวัยเปิดโอกาสสร้างรายได้ใช้ประสบการณ์ เชื่อมพนักงานรุ่นใหม่ “ค้าปลีก” รับประจำ-พาร์ทไทม์ เน้นงานบริการ บิ๊กซี เดินหน้า “พี่ใหญ่ ไฟแรง” โลตัส ลุย "60 ยังแจ๋ว" แกร็บเผยไรเดอร์อายุเกิน60มีกว่า2.6พันคน

ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นในทุกๆปี และประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ ขณะที่ภาคธุรกิจหลายๆ แห่งยังมั่นใจในศักยภาพว่าสามารถทำงานได้ได้มีประสิทธิภาพ ด้วยประสบกาณณ์ที่สั่งสมมานาน และหลากหลาย รวมทั้งยังสามารถช่วยพัฒนาพนักงานรุ่นใหม่ๆ ที่ทำงานร่วมกัน ช่วยยกระดับองค์กรให้ดียิ่งขึ้น

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มประชากรผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คาดการณ์ว่าปี 2564 ไทยเข้าสู่สังคมประชากรสูงวัยแบบสมบูรณ์  บิ๊กซี จึงร่วมพัฒนาสังคมส่งเสริมการมีงานทำสำหรับผู้สูงอายุผ่านโครงการ “พี่ใหญ่ ไฟแรง” ตั้งแต่ปี 2560 โดยเปิดรับผู้มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปทำงาน 

โครงการนี้ทำให้บริษัทได้เรียนรู้พฤติกรรมของกลุ่มผู้สูงอายุจากประสบการณ์การทำงาน และสร้างสังคมใหม่เชื่อมระหว่างผู้ใหญ่ที่มากประสบการณ์กับพนักงานรุ่นใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์

“บิ๊กซี เชื่อว่า ผู้สูงอายุเป็นผู้ที่มากประสบการณ์และมีศักยภาพ  มีพร้อมทั้งความรู้ ประสบการณ์ สามารถทำงานหลากหลายตำแหน่งได้ อาทิ พนักงานฝ่ายธุรการ พนักงานฝ่ายบัญชี พนักงานรับโทรศัพท์ พนักงานต้อนรับลูกค้า พนักงานฝ่ายอาหารสด พนักงานจัดเรียงสินค้า พนักงานประจำศูนย์อาหาร เภสัชกรประจำร้านยาเพรียว และพนักงานร้านมินิบิ๊กซี"

โดยตั้งแต่เริ่มโครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้สูงอายุ โดยปีที่ผ่านมางานที่พี่ใหญ่เข้ามาร่วมงานมากที่สุด คือ ฝ่ายบริการลูกค้า ฝ่ายอาหารสด และส่วนงานสนับสนุน

ค้าปลีกหนุนสูงวัยสร้างรายได้หลังเกษียณ

ด้าน “โลตัส” มีนโยบายส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้สูงวัยและเพิ่มรายได้หลังเกษียณเช่นกัน  โดยเปิดโอกาสให้ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ทำงานในสาขากว่า 2,000 แห่ง ภายใต้โครงการ “60 ยังแจ๋ว” พร้อมมอบสวัสดิการและสิทธิประโยชน์พนักงานที่ตอบโจทย์ผู้สูงวัย เช่น เงินสมทบค่ารักษาพยาบาล และตรวจสุขภาพประจำปีเมื่อทำงานครบตามกำหนด  ปัจจุบัน มีผู้เกษียณอายุกว่า 1,261 คน ร่วมงานกับ โลตัส

ขณะที่ “กลุ่มเซ็นทรัล” ระบุว่า แนวโน้มการจ้างงานผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รองรับจำนวนผู้สูงอายุในสังคม เพื่อให้ผู้สูงอายุมีรายได้ ลดภาระสังคม รวมถึงเกิดความภาคภูมิใจในตนเองอีกด้วย จึงผลักดันการจ้างงานผู้สูงอายุให้เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเริ่มต้นจากการหาตำแหน่งงานที่เหมาะสม การพิจารณาให้ทำงานในพื้นที่ที่เหมาะสม และมีการจ้างงานทั้งในแบบประจำ และพาร์ทไทม์ รวมถึงการดูแลให้ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานอย่างมีความสุข

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2562 กลุ่มเซ็นทรัล ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ ร่วมกับหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาสังคม เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนการจ้างงานผู้สูงอายุ ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีการจ้างงานหลากหลายตำแหน่ง เช่น พนักงานแผนกผักผลไม้, พนักงานครัว, พนักงานขายแผนกเครื่องครัว, พนักงานตัดเย็บ และ พนักงาน Customer Service เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเปิดโอกาสให้ทำงานและดูแลให้ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานอย่างมีความสุข ยังได้รับสิทธิสวัสดิการเทียบเท่าพนักงานทั่วไปอีกด้วย

ขณะที่ เดอะมอลล์ กรุ๊ป มองว่า บุคลากรกลุ่มผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายของทักษะ รวมถึงประสบการณ์และความสามารถที่ไม่อาจหาได้ง่ายๆ ซึ่งบุคลากรกลุ่มนี้จะช่วยฝึกฝน พัฒนา และถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานด้านต่างๆ ให้กับพนักงานรุ่นใหม่ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อหล่อหลอมให้เป็นพนักงานเดอะมอลล์ กรุ๊ป อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นการนำศักยภาพของบุคลากรกลุ่มนี้มาใช้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อองค์กร

“โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งทางสังคมและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเรามีแผนพัฒนาบุคลากรในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องที่ทำให้พนักงานกลุ่มนี้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงมาได้ทุกยุคทุกสมัย นอกจากการทำงานแล้วเรื่องสุขภาพกายและใจก็สำคัญไม่แพ้กัน เรามีโปรแกรมการตรวจสุขภาพพิเศษให้กับพนักงานกลุ่มนี้โดยเฉพาะ รวมไปถึงมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลเพื่อสนับสนุนให้มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย”

ขับแกร็บอายุเกิน 60 กว่า2.6พันคน

แหล่งข่าวระดับสูงจาก แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่าปี 2564 ไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยจะมีประชากรที่อายุมากกว่า 60 ปี ถึง 13.1 ล้านคน หรือคิดเป็น 20% ของประชากรทั้งประเทศ

ที่ผ่านมาแกร็บ เปิดโอกาสให้คนไทยสามารถหารายได้เสริมจากการใช้แอพพลิเคชันในการรับส่งผู้โดยสาร หรือจัดส่งอาหาร-พัสดุ โดยไม่จำกัดอายุ ปัจจุบัน พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บที่มีอายุมากที่สุดคือ 79 ปี ส่วนผู้ที่่มีอายุมากกว่า 60 ปี มีมากกว่า 2,600 คน

ทั้งนี้ เมื่อปลายปี 2563 แกร็บ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อส่งเสริมให้พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บออมเงินกับ กอช.เตรียมพร้อมรับวัยเกษียณ

เปิด 2 มุมมองคนวัยเกษียณแต่ใจยังสู้

แกร็บ ยกกรณีศึกษาคนขับแกร็บอายุเกิน 60 ปี 2 คน คือนายเดชา เจริญกิจขจรไชย อายุ65 ปี ปัจจุบันขับแกร็บคาร์ และนายวิชัย เติมธนวัฒน์ อดีตผู้จัดการฝ่ายขายในบริษัทยาชั้นนำวัย 72 ที่ผันตัวมาขับรถส่งอาหารกับแกร็บฟู้ด

นายเดชา กล่าวว่า พออายุมากขึ้น หันกลับมามองตัวเองและตั้งคำถามว่าถึงเวลาที่จะต้องหยุดพัก หรือยังทำงานต่อไปได้ และได้ตอบว่ายังมีศักยภาพที่จะทำงานเพื่อสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว

“การเกษียณแบบฉบับของผมคงไม่ใช่การหยุดพัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนจากการขับแท็กซี่ที่ทำมากว่า 12 ปี หันมาลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้มากขึ้น ได้ปรับตัวเพื่อก้าวออกจากความเคยชินเดิมๆ ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิต ช่วยให้เราเข้าถึงงานและหาลูกค้าได้ง่ายขึ้น"

พร้อมระบุว่าสมัยขับแท็กซี่ต้องวนรถหรือจอดรอผู้โดยสาร แต่ตอนนี้มีแอพอย่างแกร็บช่วยอำนวยความสะดวก ส่งงานมาให้โดยตรง  เป็นรูปแบบงานที่เหมาะกับอายุที่เพิ่มขึ้น

และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตมาตลอด 60 ปี คือ การพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ให้ตัวเอง ได้ออกจากความเคยชินเดิมๆ ไม่หยุดอยู่กับที่ เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดขอแค่เปิดใจและให้โอกาสตัวเอง

นายวิชัย กล่าวว่า หลายคนอาจมองว่าวัยเท่านี้ควรหยุดพักอยู่บ้าน แต่เชื่อว่า การออกไปข้างนอก คือเติมเต็มความสุขของตัวเขาได้เปิดหูเปิดตาและหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ชีวิต

"ผมเองยังไม่เคยคิดเรื่องการเกษียณ ด้วยเงื่อนไขของอายุอาจทำให้มีข้อจำกัดในการทำงาน บริษัทหลายแห่งไม่ค่อยอยากรับ แต่เพราะแกร็บไม่มีการจำกัดอายุ ผมจึงเลือกมาลองขับแกร็บฟู้ด โดยให้บริการรับ-ส่งอาหารในย่านปิ่นเกล้าซึ่งอยู่ใกล้บ้าน”

เรียนรู้ที่จะ “ประเมินตัวเอง”

นายวิชัยกล่าวว่าแม้หัวใจยังเต็มร้อย แต่อายุที่มากขึ้น สิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามคือการต้องรู้จักประเมินตัวเองและไม่ฝืนร่างกาย

“สิ่งหนึ่งทีได้เรียนรู้ คือ ต้องหมั่นสังเกตและประเมินตัวเองว่าไหวแค่ไหน เพราะหากทำเกินกำลังก็ไม่ส่งผลดี ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับสถานการณ์และความพร้อมของร่างกายแต่ละวัน พยายามหาจุดกึ่งกลางที่ยังสามารถทำงานไหวและไม่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายมากนัก”

พร้อมทิ้งท้ายว่าถ้าไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองแล้วเลือกหยุดพัก หรือเกษียณอายุเหมือนหลายคนทำตัวเขาคงไม่มีโอกาสที่ได้เปิดโลกใบใหม่ ได้เจอกลุ่มเพื่อนต่างวัยและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับรุ่นน้อง ส่งต่อประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิตกว่า 70 ปีให้คนรุ่นหลังนำไปปรับใช้กับชีวิตต่อไป