โบรกคัด ‘หุ้นเด่น’ รับอานิสงส์ฤดูร้อน
โบรก เผย “หุ้นเครื่องดื่ม”ไตรมาส 2ไฮซีซั่น รับอานิสงส์เข้าสู่ฤดูร้อน โบรกยกหุ้น“คาราบาวกรุ๊ป-อิชิตันกรุ๊ป-เซ็ปเป้” ยอดขายขานรับพุ่งรับพฤติกรรมผู้บริโภคเลือกสังสรรค์ในครอบครัว เหตุ โควิดระบาด ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดสงกรานต์ปีนี้เม็ดเงินใช้จ่าย 2.4 หมื่นล้าน
เข้าสู่ฤดูร้อนของไทย หรือช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ “กลุ่มเครื่องดื่ม” แม้ในปี 2564 ธุรกิจยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเม็ดเงินใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลสงการนต์ปี 2564 อยู่ที่ 24,000 ล้านบาท แต่หดตัวที่ 4% ซึ่งยังไม่กลับมาฟื้นตัวเป็นปกติเทียบกับสงการต์ปี 2562 (ปี2563 มีการเลื่อนวันหยุดสงกรานต์) โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว ค่าเดินทางกลับภูมิลำเนาคาดปรับตัวลดลงมากสุด แต่ในปีนี้ยังมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐที่เข้ามาหนุนกำลังซื้อกลุ่มเครื่องดื่มได้ ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคปรับเปลี่ยนมาสังสรรค์ที่บ้านเพื่อให้สอดคล้องกับการระบาดโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย
ดังนั้น'หุ้นเครื่องดื่ม' ที่นักวิเคราะห์แนะนำยอดขายโต โดดเด่นช่วงสงกรานต์ปีนี้ อาทิ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป หรือ CBG , บริษัท อิชิตันกรุ๊ป หรือ ICHI และ บริษัท เซ็ปเป้ หรือ SAPPE ขณะที่หุ้นกลุ่มที่โบรกฯ ให้คำแนะนำเพิ่มเติม ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในแง่การใช่จ่ายผู้บริโภคและลงทุนภาครัฐ อาทิ “กลุ่มค้าปลีก” เช่น บริษัท ซีพี ออลล์ หรือ CPALL “กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง” เช่น บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ หรือ TEAMG รวมถึงหุ้นราคายังไม่ปรับขึ้นมาก “กลุ่มยังเหลืออัพไซด์” เช่น บริษัท ศุภาลัย หรือ SPALI , บริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ หรือ UTP
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า กล่าวว่า ช่วงหน้าร้อนเป็นไฮซีชันหุ้นเครื่องดื่ม แนะนำ ICHI ราคาเหมาะสม 16.2 บาท และ SAPPE ราคาเหมาะสม แนวต้าน 32-34 บาท คาดกำไรและรายได้จะโตมากกว่าปีก่อน หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ไม่มีมาตรการล็อกดาวน์เหมือนช่วงเดียวกันปีก่อน และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะได้อานิสงส์จากการเร่งลงทุนของรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไปเป็นปัจจัยหนุนแนะนำ TEAMG ราคาเหมาะสม 2.7 บาท
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นเครื่องดื่มชูกำลังอย่าง CBG ยังมีความน่าสนใจ ซึ่งราคาเหมาะสม 156.50 บาท จากคาดการณ์ยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังของบริษัทในปีนี้ จะกลับมาเพิ่มขึ้น 11% ปีก่อน และอัตราการทำกำไรขั้นต้นโต 41.8% ปีก่อน ทำให้กำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 4,184 ล้านบาท โต 19% จากปีก่อน
ขณะเดียวกัน การเตรียมตัวสู่ธุรกิจกัญชา-กัญชง ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่คาดช่วยหนุนรายได้โตขึ้นในอนาคตอยู่ที่ว่าใครจะเข้าครองใจผู้บริโภคมากที่สุด และขยายไปต่างประเทศได้ CBG มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วโลก ทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากกว่าผู้เล่นรายอื่นๆ ในตลาด
ทางด้าน 'กลุ่มค้าปลีก' อย่าง CPALL ราคาเหมาะสม 81.50 บาท จากคาดปริมาณยอดขายหน้าร้านในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไปทยอยฟื้นตัวเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นช่วงล็อกดาวน์ ดังนั้นคาดยอดขายหน้าร้านจะกลับมาเป็นบวกไตรมาส 2 นี้3.5 % จากไตรมาส 1 ที่ผ่านมาหดตัว 16%คาดปี64มียอดขาย 551,386 ล้านบาท โต 5% มีกำไร17,475 ล้านบาทโต 10% จากปีก่อน และปี65 คาดยอดขาย 623,713 ล้านบาทโต 14%มีกำไร 25,332 ล้านบาทโต 45% จากปีก่อน ซึ่งในปี65กลับมาโตโดดเด่น
นายกรรณ์ หทัยศรศัทธา นักวิเคราะห์และผู้ช่วยนักกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ช่วงนี้ต้องเฟ้นหาหุ้นที่ยังพอมีอัพไซด์อยู่ เช่น SPALI ราคาเหมาะสม 23.60 บาท จากยอดขายไตรมาสแรกค่อนข้างดี และ SPALI สามารถรายงานกำไรสุทธิรวมทั้งปีที่สูงสุดทำสถิติใหม่ที่ 6,070 ล้านบาท สุดท้ายคือ UTP ราคาเป้าหมาย 24 บาท ปัจจัยหนุนอุปสงค์กระดาษบรรจุภัณฑ์ลูกฟูกในภูมิภาคปรับเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม หลังสงกรานต์ค่อยมาติดตามความเสี่ยงของโควิด-19 คัสเตอร์ทองหล่อจะควบคุมได้หรือไม่และตลาดหวังประสิทธิผลวัคซีนแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ หลายโบรกประสานกันแล้วว่า “หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์วัคซีน-เปิดเมือง” เช่น CENTEL ,M ,MAJOR หากราคาย่อและตลาดหุ้นถูกแรงกดดันใกล้ระดับ 1,500 จุด จังหวะนี้เป็นโอกาสทยอยสะสมเช่นกัน