ครม.ชี้ 'บ้านเคหะสุขประชา' รัฐวางแผนสร้าง 100,000 หลังทั่วประเทศ

วันนี้ (20 เม.ย.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุม ครม. ผ่านทาง Podcast ในเว็บไซต์ "รัฐบาลไทย" โดยเปิดเผยถึงประเด็นโครงการ "บ้านเคหะสุขประชา" ว่าเป็นโครงการส่วนหนึ่งของการเคหะแห่งชาติ ที่นายกฯ เพิ่งจะเปิดโครงการไปเมื่อไม่นานนี้ โดยรัฐบาลต้องการที่จะผลักดันโครงการบ้านเช่าเคหะสุขประชาให้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. "บ้านเคหะสุขประชา" บ้านเพื่อคนมีรายได้น้อย

โครงการบ้านเช่า "บ้านเคหะสุขประชา" เป็นโครงการที่สร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้กลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย ให้พวกเขาสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้อย่างทั่วถึง ตามนโยบายการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อทำให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยให้มากที่สุด

เดินหน้าแก้ปัญหาความยากจนในประเทศไทย ลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง รวมถึงเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ โควิด-19 ให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

2. รัฐมีแผนสร้าง "บ้านเคหะสุขประชา" ทั้งหมด 100,000 หลัง

สำหรับโครงการบ้านเคหะสุขประชา นายกฯ วางแผนไว้ว่าจะดำเนินการให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม โดยมอบหมายให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ดำเนินการสร้างบ้านเช่าเคหะสุขประชาอย่างน้อยปีละ 20,000 หลัง รวมทั้งหมดให้ได้ 100,000 หลังทั่วประเทศ

นอกจากนี้ โครงการบ้านเคหะสุขประชา จะไม่มีแค่ในกรุงเทพ แต่จะเกิดในหลายๆ จังหวัดทั่วประเทศ  ซึ่งอาจจะใช้บ้านน็อคดาวน์ สำหรับพื้นที่แออัด และเร่งเวลาให้รวดเร็วมากขึ้น

3. ครม.เคาะ ต่ออายุสัญญากู้เงินให้การเคหะฯ 500 ล้านบาท

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถงประเด็นนี้เพิ่มเติมว่า เนื่องจากการเคหะแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อย โดยจัดทำโครงการที่อยู่อาศัยขึ้นมาช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยหลายโครงการ เช่น โครงการบ้านมั่นคง ,โครงการบ้านเคหะสุขประชา 

โดยเป็นโครงการที่สร้างบ้านเช่าให้ประชาชนกลุ่มต่างๆ และคิดค่าเช่าในราคาที่ถูกมาก เช่น หากเป็นผู้สูงอายุหรือผู้พิการ สำหรับโครงการบ้านเคหะสุขประชาก็คิดค่าเช่าราคา 1,500 บาท ต่อพื้นที่บ้าน 30 ตร.ม. ถ้าเป็นกลุ่มคนโสดวัยทำงานก็ติดค่าเช่าราคา 2,000 บาท ต่อพื้นที่บ้าน 30 ตร.ม.

โครงการบ้านเช่าราคาถูกของการเคหะฯ ถือเป็นนโยบายที่รัฐบาลจะผลักดันให้สำเร็จ และทำให้เกิดขึ้นจริงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจได้ว่าการดำเนินงานของการเคหะแห่งชาตินั้นจะมีเงินทุนหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา และ/หรือ มีเงินใช้เมื่อจำเป็น

ครม. จึงมีมติเห็นชอบ ให้การเคหะแห่งชาติ ต่ออายุสัญญากู้เงินเบิกเกินบัญชีจากธนาคารออมสิน วงเงิน 500 ล้านบาท และอนุมัติให้กู้เงินเกินบัญชีต่อไปอีกเป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา และไปสิ้นสุดวันที่ 11 มีนาคม 2567 โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย

เรื่องนี้ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เสนอเข้ามายัง ครม. ก็เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจว่าการเคหะแห่งชาติจะได้มีสภาพคล่อง มีเงินทุนหมุนเวียน เมื่อใดที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ก็จะได้มีเงินไปสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยดังกล่าว