'มูดี้ส์'เตือนคุมเดินทางสกัดโควิดบั่นทอนเศรษฐกิจฟื้นตัว
มูดี้ส์เตือนไทยจำกัดการเดินทางอีกรอบเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อาจเพิ่มภาระทางการคลัง เครติดติดลบ
บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “มูดี้ส์อินเวสเตอร์สเซอร์วิส” ออกรายงานเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ตามเวลาสหรัฐ ระบุ เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมารัฐบาลไทยประกาศชุดมาตรการจำกัดการเดินทางอีกรอบ เพื่อรับมือกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่เพิ่มจำนวนขึ้น ข้อจำกัดเหล่านี้ชะลอความพยายามเปิดดำเนินการทางเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่โดดเด่นของไทย และอาจบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ความน่าเชื่อถือติดลบ
มูดี้ส์ระบุด้วยว่า แม้ข้อจำกัดรอบนี้ค่อนข้างเล็กน้อย แต่ถ้าเข้มงวดขึ้นก็อาจกระตุ้นให้รัฐบาลต้องออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม นำไปสู่ภาระทางการคลังเพิ่มขึ้น ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงเกิน 1,700 รายต่อวันจากเดิมที่ไม่ถึง 100 ราย และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงอีกจึงเป็นไปได้อย่างมากที่รัฐบาลจะควบคุมการเดินทางเข้มงวดขึ้นและยาวนานกว่าที่เคยประกาศไว้
มาตรการล่าสุดกำหนดให้กรุงเทพฯ และอีก 17 จังหวัด รวมถึงเมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นพื้นที่สีแดง ที่เหลือเป็นพื้นที่สีส้ม ซึ่งในพื้นที่สีแดงร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ลดเวลาบริการลง
ร้านอาหารและบาร์ทั่วประเทศห้ามขายแอลกอฮอล์ ส่วนสถานบันเทิงยามค่ำ เช่น ผับ บาร์ ร้านนวดปิดไปจนถึงสิ้นเดือน เม.ย. สถาบันการศึกษาปิดเช่นกัน
มูดี้สระบุว่า มาตรการรอบนี้เข้มงวดน้อยกว่าตอนล็อกดาวน์ครั้งแรกเมื่อต้นปี 2563 ตอนนั้นปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็นทั้งหมดและเคอร์ฟิว รอบนี้ห้ามรวมตัวกันเกิน 50 คน ทั้งยังอนุญาตให้เดินทางข้ามจังหวัดได้
แต่อย่างไรเสีย ข้อจำกัดที่ออกมาก็บั่นทอนความพยายามฟื้นการท่องเที่ยวไทยเมื่อเร็วๆ นี้ เช่น ลดเวลากักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ โครงการวัคซีนพาสสปอร์ต และการพิจารณาทำแทรเวลบับเบิล
มาตรการควบคุมยังส่งผลต่อกิจกรรมค้าปลีกในประเทศ เพิ่มแรงกดดันต่อธุรกิจและการจ้างงาน
มูดี้ส์คาดว่า จีดีพีจริงของไทยปรับเงินเฟ้อแล้วปีนี้จะขยายตัวเล็กน้อยที่ 3%-3.5% เมื่อเทียบกับปี 63 เนื่องจากฐานเดิมต่ำ จีดีพีหดตัว 6.1%
มาตรการสนับสนุนทางการคลังอย่างต่อเนื่องที่กำหนดไว้ในงบประมาณปี 64 และมาตรการกระตุ้นในเดือน ม.ค. มีแนวโน้มบรรเทาความตึงเครียดจากโควิด-19 ที่มีต่ออุปสงค์ภายในประเทศได้
ความเสี่ยงอันเกิดจากมาตรการควบคุมการเดินทางที่ยาวนานและเข้มงวดขึ้นกำลังชะลอการฟื้นตัวเป็นปกติของเศรษฐกิจ ทั้งยังทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มนั่นจะผลักดันให้ขาดดุลมากขึ้นกว่าที่มูดี้ส์คาดการณ์ไว้ในปัจจุบันที่ 4.5%-5%ของจีดีพี ผลักให้ภาระหนี้สูงกว่าที่มูดี้สคาดการณ์ไว้ที่ 50% ของจีดีพีในปีนี้
อย่างไรก็ตาม โอกาสก็ยังมีมาจากความต้องการภายนอกที่แข็งแกร่งขึ้นโดยเฉพาะจากคู่ค้าหลักอย่างจีนที่เศรษฐกิจฟื้นตัวดี