‘โลตัส’ติวเข้มเอสเอ็มอี! หนุนสินค้าไทยขาย‘หน้าร้าน-ออนไลน์’

‘โลตัส’ติวเข้มเอสเอ็มอี! หนุนสินค้าไทยขาย‘หน้าร้าน-ออนไลน์’

ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ "โลตัส" เดินหน้าผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีฝ่าวิกฤติโควิด ปูพรมสินค้าผ่านเครือข่ายกว่า 2 พันแห่งทั่วประเทศ พร้อมช่องทางออนไลน์ ผนึก SME D Bank และ สสว. จัด Online Business Matching ทุกเดือนติวเข้มเพิ่มศักยภาพ

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบุคคลและความยั่งยืน โลตัส กล่าวว่า โลตัส มีนโยบายเดินหน้าผลักดันสินค้าคุณภาพจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย จำหน่ายผ่านสาขาและช่องทางออนไลน์ ร่วมฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน โดยจับมือพันธมิตรภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ทุกเดือน ประเดิมครั้งแรกผ่านทางออนไลน์ วันที่ 7 พ.ค.นี้  เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้พูดคุยกับทีมงานจัดซื้อโลตัสโดยตรงทุกหมวดหมู่สินค้า ตามแผนงานเพิ่มการรับซื้อสินค้าเอสเอ็มอีทุกปี 

"โลตัส สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าและการยกระดับมาตรฐานการผลิตของสินค้าไทย สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19สร้างความท้าทายให้กับธุรกิจแทบทุกขนาด โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ได้รับผลกระทบอย่างมาก"

162037901371

จึงเป็นที่มาของการร่วมมือกับ SME D Bank และ สสว. ในการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจทุกเดือน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ ได้เจรจาทางการค้าโดยตรงกับทีมงานฝ่ายพาณิชย์ของโลตัส เพื่อคัดเลือกสินค้าในทุกหมวดหมู่ จำหน่ายในช่องทางของโลตัส ทั้งสาขาทั่วประเทศมากกว่า 2,000 แห่ง  และช่องทางออนไลน์

โลตัส มีแผนงานที่ชัดเจนในการเพิ่มปริมาณการรับซื้อสินค้าเกษตรและสินค้าเอสเอ็มอีอย่างน้อย 10% ทุกปี เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนแผนงานนี้ โลตัสได้ดำเนินการหลายด้าน รวมถึงการเปิดช่องทางบนเว็บไซต์ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถนำเสนอสินค้าได้สะดวกขึ้น การจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจทุกเดือน ประเดิมครั้งแรกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นอกจากนั้น ยังได้ปรับปรุงกระบวนการการจัดจำหน่ายสินค้าเอสเอ็มอีให้กระชับและรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถกระจายสินค้าผ่านโลตัสและมียอดขายเร็วขึ้นกว่าเดิม

นอกเหนือจากการเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าแล้ว โลตัส ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของเอสเอ็มอีในฐานะคู่ค้า ให้สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และการผลิต ตามหลักสากล เพื่อทำให้สินค้าตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มขีดสามารถการแข่งขันทั้งในประเทศและในตลาดต่างประเทศ

นอกจากนั้น สสว. และ SME D Bank ยังมีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำผู้ประกอบการเกี่ยวกับการสนับสนุนจากทางภาครัฐและเงินทุน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถฝ่าวิกฤติโควิด-19และเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

162037908933

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นนี้ ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ และเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ และหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพก็คือการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เช่น การใช้แพลตฟอร์ม หรืออาจจะมีพันธมิตรการค้าใหม่ และในวันนี้โลตัสได้เปิดโอกาสทางธุรกิจนั้นให้กับผู้ประกอบการได้ร่วมเป็นคู่ค้า ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์ม หรือพันธมิตรการค้าที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการกระจายสินค้าไปสู่มือผู้บริโภคทั่วประเทศ

ความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการแล้ว ยังเป็นการเติมเต็มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของ สสว. ในการเจาะตลาดโมเดิร์นเทรดอย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย เนื่องจากจำนวนสาขาของโลตัสที่มีมากกว่า 2,000 สาขา บวกกับสินค้าของผู้ประกอบการที่มีหลากหลาย

ซึ่งในวันนี้ มีสินค้าของผู้ประกอบการถึง 350 ราย จาก 7 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มอาหารแห้ง กลุ่มอาหารสดหรืออาหารพร้อมรับประทาน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป กลุ่มอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ (เครื่องใช้ภายในบ้าน) กลุ่มอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ (สินค้าอิเล็กทรอนิกส์) กลุ่มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องใช้ภายในบ้าน กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้าง ซึ่งอาจรวมถึงสินค้าจากชุมชน จะได้มีโอกาสจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์กับโลตัส สิ่งเหล่านี้จะเป็นการขยายช่องทางการค้าของผู้ประกอบการให้เติบโตและเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติโควิด โดยช่องทางการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการ อาจเป็นที่โลตัสทั่วประเทศ หรือตามความเหมาะสมตามความต้องการของตลาดและผู้ประกอบการ

นอกเหนือจากความร่วมมือในวันนี้ สสว. ยังมีการช่วยเหลือด้านอื่นๆ ให้กับผู้ประกอบการ ทั้งการสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ และการขึ้นทะเบียนจัดซื้อจัดจ้างจากภาครัฐ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี

 

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยอย่างรุนแรง ความร่วมมือครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขยายช่องทางตลาดผ่านเครือข่ายของโลตัส ซึ่งมีศักยภาพการตลาดสูง ช่วยให้สินค้าเอสเอ็มอีทั่วประเทศ สามารถส่งตรงถึงมือผู้บริโภค ช่วยเพิ่มรายได้ เพิ่มยอดขาย

ควบคู่กับ SME D Bank จัดเตรียมบริการทางการเงินไว้รองรับ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ช่วยประคอง หรือฟื้นฟูธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวผ่านสถานการณ์โควิด-19 ไปได้ด้วยดี เช่น สินเชื่อฟื้นฟู กู้ได้ทั้งลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปี ใน 2 ปีแรก

โดยตลอด 5 ปีแรก เฉลี่ยไม่เกิน 5% ต่อปี พร้อมทั้งได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยในช่วง6เดือน ผ่อนนานสูงสุด7ปี,สินเชื่อรายเล็กExtra Cashอัตราดอกเบี้ยต่ำ3%ต่อปี ใน2ปีแรก วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน3ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด5ปี ที่สำคัญไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และ สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น นิติบุคคล2.875%ต่อปีใน3ปีแรก และบุคคลธรรมดา4.875%ต่อปีใน3ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด5ล้านบาท เป็นต้น