อ.ส.ค.ประกาศ หาผอ.คนใหม่ รอบ 2 เฟ้นมืออาชีพทำรายได้ 400ล้านบาทต่อปี
อ.ส.ค. ประกาศรับสมัคร ผู้อำนวยการคนใหม่ ชี้เป้าคุณสมบัติต้องมีวิสัยทัศน์ด้านอุตสาหกรรมและมีประสบการณ์ด้านบริหารธุรกิจ-ด้านการตลาด พร้อมเปิดทางผู้บริหารทั้งภายในและภายนอกโชว์ฝีมือบริหารงานทำรายได้ 400 ล้านบาทต่อปี
รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2564 นายโอภาส ทองยงค์ ประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) ได้ลงนามในประกาศองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย เรื่องรับสมัครบุคคล เพื่อรับการคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อ.ส.ค. เป็นครั้งที่ 2 จากที่ก่อนหน้านี้ประกาศสรรหาไปแล้วแต่ไม่มีบุคคลใดผ่านคุณสมบัติ
โดยสามารถยื่นใบสมัครตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.- 18 พ.ค. 2564 คุณสมบัติเบื้องต้น จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ ในวันยื่นสมัคร ส่วนคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งจะต้องมีความรู้ หรือมีประสบการณ์ด้านบริหารทั่วไป หรือด้านธุรกิจ หรือด้านการตลาด หรือด้านการอุตสาหกรรม รวมทั้งความรู้ด้านเศรษฐกิจ สังคม นโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์ด้านการบริหารจัดการองค์กรไปในทิศทางและเป้าหมายตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ อ.ส.ค.
กรณีเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรภาครัฐหรือภาคเอกชน โดยนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งรวมกันไม่น้อยกว่า 1 ปี จนถึงวันประกาศรับสมัครภายใต้เงื่อนไข 1.กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารส่วนราชการ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับผู้อำนวยการกอง/สำนักหรือเทียบเท่า
2.กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับผู้ช่วยผู้อำนวยการ หรือเทียบเท่า 3.กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากหน่วยงานอื่นของรัฐ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับผู้อำนวยการกอง/สำนักหรือเทียบเท่า
4.กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากหน่วยภาคเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ซึ่งต้องเป็นองค์กรเดียวที่มีรายได้ปีล่าสุดที่ยังบริหารงานอยู่ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาทต่อปี
ส่วนด้านคุณวุฒิการศึกษาจะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี โดยเงื่อนไขการจ้างและค่าตอบแทนตำแหน่ง ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. มีวาระอยู่ในตำแหน่งตามสัญญาจ้างคราวละไม่เกิน 4 ปีหรือเมื่อมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์แล้วแต่วาระใดจะถึงก่อน
ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญาจ้างแล้วหากผู้ผ่านการสรรหาเป็น ผอ. อ.ส.ค. ยังมีอายุไม่ครบ 60 ปี และคณะกรรมการ อ.ส.ค.พิจารณาเห็นว่ามีผลการทำงานดี มีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ อ.ส.ค. ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการกระบวนการสรรหาใหม่ให้สามารถจ้างต่อได้แต่จะต้องไม่เกิน 2คราวติดต่อกัน
ในขณะที่คุณสมบัติทั่วไปจะต้องไม่เป็นกรรมการ อ.ส.ค. ในวันยื่นสมัครเว้นแต่เป็นผู้บริหารซึ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง สามารถทำงานให้แก่ อ.ส.ค. ได้เต็มเวลา ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต ไม่ร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ไม่เป็นผู้บริหารหรือพนักงานของรัฐวิสาหกิจอื่น หรือกิจการอื่นที่แสวงหากำไร ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้าง ซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
ไม่เคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออกหรือให้ออกจากงานเพราะเหตุทุจริตต่อหน้าที่ หรือไม่เป็นหรือภายในระยะเวลา 3 ปีก่อนวันได้รับแต่งตั้ง ไม่เคยเป็นกรรมการหรือผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการจัดการหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน หรือผู้ร่วมทุนหรือมีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับกิจการของอ.ส.ค. เว้นแต่การเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในนิติบุคคลดังกล่าวโดยการมอบหมายของอ.ส.ค.
สำหรับผู้ที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารคนใหม่ของ อ.ส.ค. เน้นคนที่เป็นนักบริหารมืออาชีพ เนื่องจากเป็นผู้ที่ต้องมีความสามารถและมีบทบาทสูงในการขับเคลื่อน อ.ส.ค. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ทำกำไรนำส่งกระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่องทุกปี และกำลังขับเร่งเคลื่อนองค์กรตามแผนวิสาหกิจ 5 ปีซึ่งจะสิ้นสุดแผนในปี 2564
ดังนั้นการเข้ามาจึงถือเป็นการประเดิมความสามารถและศักยภาพของผู้อำนวยการ อ.ส.ค. คนใหม่ในการเร่งผลักดัน อ.ส.ค. สู่เป้าหมายให้สำเร็จภายในปี 2564 อาทิ 1.ยอดขายต้องเติบโตไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท 2.สร้างแบรนด์ให้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคชาวไทย หรือ Top of Mind 3.เป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้อุตสาหกรรมโคนม 4.ยกระดับบริหารจัดการรองรับการแข่งขันในอนาคต ตลอดจนต้องรักษาส่วนแบ่งตลาด (Market Share)นมยูเอชทีซึ่งปัจจุบันมีส่วนแหล่งในตลาดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไว้ตลอดไป โดยปัจจุบันนมไทย-เดนมาร์ค หรือนมวัวแดงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองใจผู้บริโภคอย่างเหนียวแน่นและอยู่คู่คนไทยมากว่า 59 ปี