“เดลต้า” รีเทิร์นทำเนียบหุ้นฮอต นำกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์พุ่ง
ระยะเวลา 3 เดือนกว่าที่เกิดแรงกดดันในหุ้นที่มีฟรีโฟลตน้อยแต่กลับโลดแล่นเข้าสู่การคำนวนดัชนี SET50-100 จนเกิดปรากฎการณ์ราคาหุ้นดังกล่าวแรงทะลุออกนอกโลกและยังมีผลต่อไปยังดัชนีหุ้นไทยที่เหวี่ยงขึ้นลงตามความผันผวนของราคาหุ้นดังกล่าวไปด้วย
โดยมี หุ้นบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTAที่สร้างปรากฎการณ์ราคาหุ้นสมารถทำราคาหุ้นพุ่งสูงสุด ถูกจุดพลุตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. 2563 ด้วยราคาสูงสุดที่ 838 บาท (28 ธ.ค.2563) จากวันแรกของปี 2563 ที่ 53.50 บาท เท่ากับราคาปิดปี 2562 เท่ากับราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1,466% หรือเพิ่มขึ้น 15 เท่า
กระทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯมีการประกาศจะปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนี ด้วยการนำสัดส่วนฟลีโฟลต (Free Float) เข้ามาประกอบในการคำนวณดัชนีรอบครึ่งปีหลัง ซึ่งส่งผลต่อหุ้น DELTA โดยตรงทำให้จากแรงซื้อเก็งกำไรกลายเป็นแรงขายลดความเสี่ยงจนราคาหุ้นลงมาถึง 288 บาท (29 มี.ค.2563)
จนต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์มีการประกาศขอ “เลื่อน”การใช้เกณฑ์ดังกล่าวออกไปหลังได้รับความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่าเป็นการแก้ไขปลายเหตุ และมีผลกระทบต่อหุ้นอื่น ๆที่ไม่ได้ปฎิบัติผิดกฎเกณฑ์
สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลทำให้เป็นการ “ปลดล็อก” หุ้น DELTA กลับมาเก็งกำไรอย่างคึกคัก จากเดือนเม.ย. ราคาหุ้นบวก 20.40 % และเพียง 2 สัปดาห์แรกเดือนพ.ค. ราคาหุ้นบวก 29.14 % ล่าสุดราคามาอยู่ที่ 452 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ได้ประเมินว่าในช่วงที่ผ่านมามีหุ้นอะไรที่ถูกเก็งกําไร และถูกกดดันจากประเด็นดังกล่าว โดยการหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลข Free Float และผลตอบแทนตั้งแต่ช่วงที่ตลาดเริ่มมีแนวคิด การปรับเปลี่ยนวิธีคํานวณดัชนี (ปลายๆ เดือน ม.ค. 2564 ) ถึงปัจจุบัน
พบว่าภาพรวมส่วน ใหญ่จะมีทิศทางที่แปรตามกัน คือ หุ้น Free Float เยอะ (สูงกว่าค่าเฉลี่ย SET100 ที่ 47.3%) มักจะ Outperform ตลาดฯ และหุ้นที่มี Free Float น้อยหลายบริษัท Underperform ตลาดอย่างเห็นได้ชัด
ทางกลับกันหากตลาดชะลอการปรับคํานวณดัชนีด้วยวิธีดังกล่าวออกไปก่อน ภาพรวมน่าจะส่งผลดีต่อตลาด เนื่องจากหุ้นที่มี Free Float ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 54 บริษัทมี มาร์เก็ตแคปรวมกันสูงถึง 7.1 ล้านล้านบาท สูงกว่า หุ้นที่มี Free Float สูง กว่าค่าเฉลี่ย 46 บริษัท โดยมี มาร์เก็ตเคปรวมกันท 6.3 ล้านล้านบาท
ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงทำการค้นหา “หุ้นลมเปลี่ยนทิศ” โดยที่ผ่านเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้ 1. หุ้นที่ผ่อนคลายจากประเด็นดังกล่าว คือ หุ้นที่มี Free Float ต่ำากว่า 40% และ Underperform ตลาดมากสุดในช่วงที่ผ่านมา 2. หุ้นที่อาจถูกขายทํากําไรบ้าง คือ หุ้นที่มี Free Float สูงกว่า 60% และ Outperform ตลาดหุ้นในช่วงก่อนหน้า ได้ผลลัพธ์ 15 หุ้นผ่อนคลาย และอีก 15 หุ้นที่อาจถูกเก็งกำไรจากตลาดชะลอการใช้ Free Float ถ่วงดัชนี
นอกจากเรื่องดังกล่าวประเด็นธุรกิจและการเติบโตกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีส่วนต่อราคาหุ้นไม่น้อย เนื่องจากการขาดแคลนซิบตลาดโลก เทรนธุรกิจโลกเข้าสู่เทคคอมพานี และการกลับมาเติบโตของภาคส่งออกจากการค้าขายระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น จึงทำให้การปรับธุรกิของ DELTA ก่อนหน้านี้กลายเป็นจุดแข็งให้ราคาหุ้น
ที่ผ่านมาบริษัทมีการตัดขายบริษัทย่อยในต่างประเทศ เช่นสหรัฐ และเน้นฐานการผลิตในกลุ่มเอเชียเป็นหลัก ทำให้ลดต้นทุนและหันมาสร้างมาร์จิ้นมากขึ้น การเพิ่มธุรกิจผลิตที่ชาร์ทไฟสำหรับรถอีวีที่รองรับการเติบโตในอนาคต จึงทำให้โบรกเกอร์หลายรายขยับเป้าหมายราคาหุ้นขึ้น สิ่งหนึ่งที่กลายเป็นจุดแข็งให้ DELTA กลายเป็นหุ้นที่มีครบเครื่องทั้งพื้นฐานธุรกิจที่คาดการณ์เติบโตได้และยังเป็นหุ้นที่กองทุนต้องมีติดพอร์ต
อย่างไรก็ตามราคาพื้นฐานยังไม่มีรายไหนมองราคาหุ้นทะลุไปถึง 800 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวถือว่าทำให้นักลงทุนรายย่อยเจอบทเรียนก่อนหน้านี้ไปไม่น้อย ทำให้หุ้น DELTA จะไต่ราคาไปถึงระดับดังกล่าวอาจจะเจอแรงขายได้ตลอด