'อัลฟามาร์ท'อินโดฯพึ่งศก.ใหม่หนุนรายได้
'อัลฟามาร์ท'อินโดฯพึ่งศก.ใหม่หนุนรายได้ โดยช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจค้าปลีกของอัลฟามาร์ทแทบไม่ได้รับผลกระทบโดยในปี 2563 บริษัทเปิดสาขาใหม่ 1,400 แห่งมีรายได้เพิ่ม 3.95% เป็น 75.8 ล้านล้านรูเปี๊ยะห์
อัลฟามาร์ท (Alfamart) เครือข่ายร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ในอินโดนีเซียที่ธุรกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพราะตอบโจทย์ลูกค้าในท้องถิ่นได้อย่างดีในฐานะที่มีเครือข่ายร้านกระจายทั่วทุกชุมชนและร้านค้ามีสินค้าในสต็อกให้ลูกค้าเลือกมากมายอีกทั้งสินค้าอยู่ในสภาพดี
แต่ขณะที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นชาติเศรษฐกิจใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เร่งเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ยุคที่พึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น “ซัมเบอร์ อัลฟาเรีย ทริจายา” ผู้บริหารอัลฟามาร์ท จึงฉวยโอกาสนี้ด้วยการขยายธุรกิจเข้าไปยังธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมากในขณะนี้ภายใต้ร่มเงาของ“เศรษฐกิจใหม่” เช่น การทำงานทางไกลและให้บริการกาแฟสดที่นำกลับไปดื่มที่บ้านได้ ด้วยความหวังว่าจะช่วยเสริมสร้างธุรกิจหลักที่ทำอยู่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้บริหารของอัลฟามาร์ท ได้รับไฟเขียวจากบรรดาผู้ถือหุ้นให้ประกาศแผนลงทุนด้านเทคโนโลยีในบริษัท สร้างความหลากหลายแก่ธุรกิจที่ทำและขยายโมเดลธุรกิจ
“ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ เราก็ไม่สามารถหนีจากโลกดิจิทัลได้ เพราะฉะนั้น เราจึงตัดสินใจเดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้ของบริษัทเทคโนโลยีต่างๆที่จะมาเป็นหุ้นส่วนกับเราและสามารถทำให้เป้าหมายของเราเป็นจริงได้ และเมื่อเราลงทุน ก็จะเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธิ์ที่จะช่วยให้ธุรกิจหลักของเราคือธุรกิจค้าปลีกแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”อังการา ฮานส์ พราวิระ ประทานกรรมการบริษัทอัลฟามาร์ท กล่าว
อย่างไรก็ตาม พราวิระ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อบริษัทที่เป็นเป้าหมายที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะมาเป็นหุ้นส่วนด้วย รวมทั้งปฏิเสธข่าวลือที่ว่า บริษัทกำลังวางแผนที่จะเข้าครอบครองกิจการ แบงก์ อะลาดิน ไซอาริอาห์ ธนาคารขนาดเล็กในกรุงจาการ์ตาที่ประกาศตัวว่าเป็นธนาคารดิจิทัล
แต่เขาก็ยอมรับว่า ที่ผ่านมา อัลฟามาร์ท ได้มีการหารือกับแบงก์ อะลาดินเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจเชิงกลยุทธิ์ ซึ่งครอบคลุมถึง การให้บริการด้านการชำระเงินและการให้บริการด้านการเงินในฐานะที่อัลฟามาร์ทมีสาขาทั่วประเทศจำนวนกว่า 17,000 สาขา มีลูกค้าใช้บริการรายวัน 4 ล้านคนและมีหุ้นส่วนธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนหลายหมื่นคนด้วยกัน
พราวิระ ย้ำว่าการลงทุนในธุรกิจด้านการธนาคารเป็นอีกประเด็นที่บริษัทยังไม่ตัดสินใจในตอนนี้ และเร็วเกินไปที่จะบอกถึงแนวโน้มว่าจะเข้าซื้อกิจการธนาคารหรือไม่
นอกจากยอมรับว่าต้องลงทุนด้านเทคโนโลยีแล้ว ผู้บริหารระดับสูงของอัลฟามาร์ท ยังบอกว่าตั้งใจที่จะขยายธุรกิจโคเวิร์กกิ้ง สเปซและร้านกาแฟผ่านแบรนด์ใหม่ของบริษัทอย่าง อัลฟา เอ็กซ์ และบีน สปอต โดยมีแผนเปิดสาขาอัลฟา เอ็กซ์เพิ่ม 50 แห่งในปีนี้ และตั้งมุมสำหรับแบรนด์บีน สปอตในร้านสะดวกซื้อของอัลฟามาร์ทที่มีอยู่ 1,500แห่ง หลังจากช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ทำโครงการนำร่องเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ทั้งสองนี้
ปัจจุบัน อัลฟามาร์ท ถือเป็นเครือข่ายร้านสะดวกซื้ออันดับ2รองจากเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ“อินโดมาเร็ท”ที่เป็นบริษัทในเครือของกลุ่มธุรกิจซาลิม กรุ๊ป ที่ทุกวันนี้มีร้านสะดวกซื้อกว่า 18,000 สาขาทั่วประเทศ
ในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ธุรกิจค้าปลีกของอัลฟามาร์ทแทบไม่ได้รับผลกระทบ ในปี 2563 บริษัทเปิดสาขาใหม่ 1,400 แห่งมีรายได้เพิ่มขึ้น 3.95% เป็น 75.8 ล้านล้านรูเปี๊ยะห์ และปีที่แล้ว กำไรสุทธิของบริษัทร่วงลง 4.67%อยู่ที่ 1.06 ล้านล้านรูเปี๊ยะห์
ฟิทช์ เรตติ้ง ระบุเมื่อเดือนที่แล้วว่า ความมั่นใจของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นช่วยกระตุ้นความต้องการในธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านของชำในอินโดนีเซียปรับตัวขึ้นในปีนี้ และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ขนาดเล็กก็พิสูจน์ให้เห็นว่าทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“จะเห็นความแตกต่างนี้ได้อย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบบริษัทกับบรรดาซูเปอร์มาร์เก็ต หรือไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่างฮีโร ซูเปอร์มาร์เก็ต และมาตาฮาริ บุตรา พริมา โดยรายได้ของอัลฟามาร์ทเมื่อปีที่แล้วเติบโตแต่รายได้ของฮีโร่และมาตาฮาริลดลงเป็นตัวเลขสองหลัก ส่งผลให้ทั้งฮีโร่และมาตาฮาริตัดสินใจลดจำนวนสาขาลง”รายงานของฟิทช์ระบุ
ผู้บริหารอัลฟามาร์ท ยังกล่าวต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นล่าสุดว่า บริษัทมั่นใจว่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นในปีนี้ เพราะรัฐบาลอินโดนีเซีย ยังคงเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิมที่ตามปกติการบริโภคสินค้าประเภทต่างๆในอินโดนีเซียจะทะยานสูงสุด
อัลฟามาร์ท วางแผนที่จะใช้จ่ายด้านเงินทุนเพิ่มขึ้น 3 ล้านล้านรูเปี๊ยะห์ในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการเปิดสาขาใหม่ทั่วประเทศจำนวน 850 สาขา เช่นเดียวกับธุรกิจในฟิลิปปินส์ ที่บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มผ่านการเป็นหุ้นส่วนกับเอสเอ็ม อินเวสต์เมนท์ กลุ่มบริษัทท้องถิ่นในแดนตากาล็อก ปัจจุบัน อัลฟามาร์ท บริหารสาขาร้านสะดวกซื้อในประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้จำนวนกวา 1,000 สาขา หลังจากเปิดสาขาใหม่เมื่อปีที่แล้วจำนวน 260 สาขา และในปีนี้ บริษัทวางแผนเปิดสาขาใหม่ในฟิลิปปินส์ 150-200 สาขา
“ปีนี้กฏระเบียบสำหรับธุรกิจค้าปลีกในฟิลิปปินส์ยังคงมีความเข้มงวดและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในประเทศนี้ก็ยังคงเพิ่มขึ้น แต่ธุรกิจของเราโดยภาพรวมในประเทศนี้ยังถือว่าดีมากและยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง”พราวิระ กล่าว
สิ่งที่ช่วยให้ร้านสะดวกซื้ออย่างอัลฟามาร์ท ประสบความสำเร็จและได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 น้อยมากทั้งอัลฟามาร์ทในอินโดนีเซียและในฟิลิปปินส์ คือการให้บริการซักรีด เป็นจุดรับสินค้าออนไลน์ ร้านตัดผม จุดซื้อตั๋วเดินทางท่องเที่ยว และการให้บริการขอสินเชื่อ
ร้านสะดวกซื้อจึงกลายเป็นศูนย์กลางของคนในชุมชน ที่มีบริการตอบสนองลูกค้าทุกเรื่อง เป็นสถานที่ที่ทุกคนในชุมชนมาเจอกันได้ อย่างอัลฟามาร์ทที่อินโดนีเซีย ที่เจ้าของต้องการให้เป็นร้านของชุมชนจริงๆ ไม่ได้แค่อำนวยความสะดวกสบายในการซื้อหาของกินของใช้ใกล้บ้านเท่านั้น