‘สหรัฐ’ ทบทวนภาษีนำเข้า เหตุเผชิญภาวะขาดแคลนสินค้า
"สหรัฐ" พิจารณาทบทวนปรับลดภาษีนำเข้าสินค้า ขณะเผชิญปัญหาสินค้าโภคภัณฑ์ขาดแคลน และเงินเฟ้อ
ซิซีเลีย เราส์ ประธานสภาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาว เปิดเผยในวันศุกร์ (14 พ.ค.) ว่า รัฐบาลสหรัฐ กำลังพิจารณาถึงความวิตกเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์ และภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่จะทำการทบทวนนโยบายภาษีการค้า
อุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ได้ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์ตั้งแต่ไม้ซุง ไปจนถึงชิปคอมพิวเตอร์
ต่อข้อถามที่ว่า การปรับลดภาษีนำเข้าจะช่วยลดภาวะขาดแคลนสินค้า และลดเงินเฟ้อลงได้หรือไม่นั้น นางเราส์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวว่า “ผู้แทนการค้าของเรากำลังพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมด”
ด้านโฆษกของนางแคทเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐยังไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
อุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์และราคาที่ปรับตัวขึ้น เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ
สถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศปีเตอร์สันเปิดเผยว่า สหรัฐเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก โดยนำเข้าสินค้ามูลค่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2562 และการปรับลดภาษีนำเข้าเพื่อบรรเทาภาวะขาดแคลนสินค้าและราคาที่ระดับสูงนั้น อาจส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยในปัจจุบันสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนโดยเฉลี่ย 19.3% และเก็บภาษีนำเข้า 3% จากสินค้าของประเทศอื่นๆ