CHG ไตรมาส1/64 ที่251.8ล้าน พุ่ง35% รับปัจจัยหนุนหลังโควิด-บริการตรวจโควิด
กลุ่มรพ.จุฬารัตน์ กวาดกำไรไตรมาส1ปี64 ที่ 251.8ล้าน เพิ่มขึ้น35% และรายได้ ธุรกิจโรงพยาบาล 1,414.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวปีก่อน เหตุหลังโควิดคลี่คลายหนุนยอดผู่ป่วบนอกพุ่ง-บริการตรวจโควิด
บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า ไตรมาส1ปี64 บริษัทรายงานกำไรสุทธิจำนวน 251.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35 %เมื่อเทียบไตรมาส 1 ปี 2563
จากรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล
ในไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 1,414.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.6ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563
รายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป ไตรมาส 1 ปี 2564 เพิ่มขึ้น 3% โดยแยกออกเป็นรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก
(OPD) เพิ่มขึ้น 62.5 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) ลดลง 40.3 ล้านบาท
โดยกลุ่มผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นจากการกลับเข้ามาใช้บริการต่างๆ ของสถานพยาบาล รวมถึงการขยายการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องจากสถานการ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 อาทิ การให้บริการตรวจกัดกรอง โควิด-19 และการให้บริการเกี่ยวกับสถานกักกันโรค
ทั้งนี้จากการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นทำให้ยังคงมีข้อจำกัดในการเดินทางเข้าประเทศของผู้ป่วยชาวต่างชาติ
จึงส่งผลกระทบด้านลบในส่วนของผู้ป่วยในรายได้โครงการประกันสังคม ไตรมาส 1 ปี 2564 เติบโตเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 1 ปี 2563
ที่ผ่านมาจากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นและจากรายได้ค่าบริการทางการแพทย์ที่มีค่าใช้ง่ายสูงรายได้จากโครงการภาครัฐอื่นๆ ไตรมาส แรก ปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับไตรมาส เ ปี 2563 จาก
จำนวนเคสที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับอัตราการจ่ายเงินของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จากเดิม 8,250บาพ/Adj RW เป็น 8.350 บาพ/Adj RW
ทั้งนี้มีรายได้เพิ่มเติมจากการให้บริการตรวจกัดกรอง โควิด-19 รวมถึงการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ โควิด-19
รายได้อื่น เพิ่มขึ้น 52.8 ล้านบาท จากการประมูลรับจ้างบริหารงานให้กับโรงพยาบาลภาครัฐ
ในไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทฯ มีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานจำนวน 428.9 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 เพิ่มขึ้น 200.6 ล้านบาท ตามผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในส่วนของกระแสเงินสดจ่ายในกิจกรรมลงทุนลดลงจากปีก่อน ประมาณ 18 ล้านบาท ตามแผนการลงทุนหลังจากเปีดโรงพยาบาลแห่งใหม่แล้ว ซึ่งในปีปัจจุบันเป็นการจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรักษาของโรงพยาบาล และในส่วนกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินใช้ไปจำนวน 250.3 ล้านบาท จากการจ่ายคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาว