‘ป.ป.ช.’จ่อชี้มูลความผิดคดีทุจริตจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน.
"ป.ป.ช."ไต่สวนข้อเท็จจริงทุจริตถุงมือยาง 1.2 แสนล้าน ชี้มูลจนท.อคส.-ผู้บริหารระดับสูง3 รายจ่อส่งฟ้องศาลพร้อมฟันโทษวินัยร้ายแรงไล่ออกจากราชการ
รายงานข่าวจาก กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีที่มีการร้องเรียนว่าองค์การคลังสินค้า (อคส.) และภาคเอกชนร่วมทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทที่ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าขณะนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว และพบว่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำผิดจริง และจัดซื้อโดยมิชอบ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดทางอาญาไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งเจ้าหน้าที่ของอคส. และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยนัดให้มารับทราบข้อกล่าวหาในสัปดาห์หน้า
สำหรับเจ้าหน้าที่ของอคส. ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาได้แก่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส.,นักบริหารระดับ 8 อีก 2 รายโดยทั้ง 3 รายให้ข้อมูลว่าเป็นผู้สั่งให้ดำเนินการจัดซื้อถุงมือยางในครั้งนี้ ส่วนภาคเอกชนที่โดนตั้งข้อกล่าวหาเช่น ผู้บริหารบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด คู่สัญญาของอคส. ที่เป็นผู้ผลิตถุงมือยางให้อคส. เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด สามารถส่งข้อมูลโต้แย้งข้อกล่าวหาได้ภายใน 30 วัน หากส่งข้อโต้แย้งมาให้แล้ว และคณะอนุกรรมการฯพิจารณาเห็นว่า ข้อโต้แย้งมีน้ำหนัก หรือสามารถหักล้างผลการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการฯ ได้ ก็จะไม่ชี้มูลความผิด แต่หากพบว่า ข้อโต้แย้งไม่มีน้ำหนัก หรือไม่สามารถหักล้างผลการไต่สวนของคณะอนุกรรมการฯได้ ก็จะชี้มูลความผิดผู้ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา จากนั้นจะส่งสำนวนคดีให้อัยการส่งฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาต่อศาลต่อไป
ส่วนความผิดของผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหา ในส่วนเจ้าหน้าที่อคส.จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502มาตรา11พนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต มีโทษจำคุก1-10ปี หรือปรับ2,000-20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังผิดตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499มาตรา151เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ โทษจำคุก5-20ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับ2,000-40,000บาท รวมถึงมาตรา157เจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต โทษจำคุก1-10ปี หรือปรับ2,000-20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้หลังจากที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และส่งให้อัยการฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) จะอายัดเงินในบัญชีของบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ ที่อคส.โอนเป็นค่ามัดจำสินค้า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจนถึงขณะนี้ ไม่ทราบยังเหลือเงินในบัญชีเท่าไร เพราะก่อนหน้านี้ บริษัทได้ทยอยโอนออกแล้ว แต่ป.ป.ช.ได้ยึดไว้ได้บางส่วน โดยหลังจากที่ปปง.อายัดเงินแล้ว เจ้าของทรัพย์จะต้องพิสูจน์ทรัพย์ว่าได้มาโดยสุจริตหรือไม่ ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ก็จะถูกดำเนินคดีแพ่ง และถูกยึดทรัพย์ โดยอคส.สามารถขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ เพราะเป็นผู้เสียหาย ส่วนเจ้าหน้าที่อคส.ทั้งหมด จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่งเช่นกัน เพื่อให้ชดใช้ความเสียหายให้กับอคส.
ขณะที่การพิจารณาโทษทางวินัยพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ และนักบริหารระดับ 8 อีก 2 รายนั้น ขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาโทษวินัยร้ายแรง ที่มีนายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ อยู่ระหว่างการพิจารณา คาดจะเสร็จในเร็วๆ