‘สทท.’ งัดสารพัดกลยุทธ์หนุนเปิดประเทศ จี้รัฐเหลียวแลช่วยธุรกิจ ‘รถบัสนำเที่ยว’
เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้ประชุมหารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เกี่ยวกับแผนกระจายวัคซีน แผนพัฒนาตลาด รวมถึงข้อเสนออื่นๆ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
หลังจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ระบาดเป็นวงกว้างและรุนแรงยิ่งขึ้น ประกอบกับไทม์ไลน์ “เปิดประเทศ” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มฉีดวัคซีนครบแล้วตามโรดแมพที่รัฐบาลวางไว้ งวดเข้ามาขึ้นทุกที!
ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ทาง สทท.จะร่วมรณรงค์ให้บุคลากรภาคท่องเที่ยวออกมาฉีดวัคซีนมากที่สุดตามที่นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ได้เสนอขอวัคซีนจากภาครัฐจำนวน 3.5 ล้านโดส ตามแคมเปญ “V for Thailand” หรือวัคซีนเพื่อประเทศไทย
โดยเฉพาะบุคลากรฯใน 10 พื้นที่นำร่องตามโรดแมพเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วแบบไม่กักตัวช่วงครึ่งปีหลังนี้ ได้แก่ ภูเก็ต ซึ่งจะเริ่มนำร่องก่อนเป็นพื้นที่แรกของไทย ผ่านโครงการ “ภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์” วันที่ 1 ก.ค.นี้ ส่วนอีก 9 พื้นที่ มีกระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี ชลบุรี เชียงใหม่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ บุรีรัมย์ และกรุงเทพฯ จะเริ่มวันที่ 1 ต.ค.นี้
“สทท.สนับสนุนการเปิดเมืองภูเก็ตเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เป็นไปตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล และมองว่าวัคซีนคือคำตอบ ต้องเร่งปูพรมฉีดวัคซีนแก่คนภูเก็ตให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อสร้างความพร้อมให้แก่ภาคธุรกิจ ทั้งนี้ได้ขอวัคซีนเพื่อฉีดแก่ประชากรบนเกาะพีพี จ.กระบี่ จำนวน 5,000 โดสด้วย เนื่องจากเกาะพีพีเป็นจุดหมายสำคัญเชื่อมโยงการเดินทางจากภูเก็ตและจังหวัดอื่นๆ ในฝั่งทะเลอันดามัน”
ขณะเดียวกันในเมื่อทุกฝ่ายต่างมองว่า “วัคซีน” คือทางรอดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ สทท.จึงขอเสนอให้รัฐออกแคมเปญ “ไทยพร้อม” ด้วยการมอบสัญลักษณ์แก่คนไทยที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว อาจจะเป็นริบบิ้น ริสต์แบนด์ หรืออื่นๆ เพื่อติดไว้กับตัวให้คนทั่วไปทราบว่าคนคนนั้นฉีดวัคซีนแล้วเรียบร้อย
อีกประเด็นที่ สทท.เสนอต่อ ททท.คือเรื่องการเร่งจัดตั้ง “กองทุนฟื้นฟูท่องเที่ยว” อย่างเป็นรูปธรรม! เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว โดยเฉพาะรายเล็กที่ขณะนี้หมดเงินทุนแล้ว เช่น ร้านอาหาร รถ เรือให้บริการนำเที่ยว และอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาเข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก ให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพื่อนำเงินมาเตรียมความพร้อมเรื่องต้นทุนดำเนินงานรองรับการเปิดประเทศ อาทิ เรียกการจ้างงานกลับคืนมา ซ่อมแซมปรับปรุงบริการ จัดหาวัตถุดิบเมื่อต้องกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังเสนอเพิ่มด้วยว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวครอบคลุมถึง 13 สาขาอาชีพ แต่ปัจจุบันงบฯกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ผู้ที่ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นโรงแรม ร้านอาหาร และสายการบิน ส่วนโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ผู้ที่ได้รับประโยชน์เป็นบริษัทนำเที่ยว ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะได้รับประโยชน์ทุกรายแบบเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขหรือไม่ เพราะต้องรอให้เปิดดำเนินโครงการได้หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
สทท.จึงหารือกับ ททท.ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเพิ่มโครงการใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวอีก 1 สาขา นั่นคือธุรกิจ “รถบัสนำเที่ยว” เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือหลังจากวิกฤติโควิด-19 มานานกว่า 1 ปี!
“อยากให้ผู้ประกอบการรถบัสนำเที่ยวได้เฮกับเขาบ้าง เพราะขณะนี้แทบจะอยู่กันไม่ไหวแล้ว หลังรถบัสนำเที่ยวจอดสนิทมากว่า 1 ปี โดย ททท.อาจนำงบประมาณที่เหลือจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันและทัวร์เที่ยวไทย กันงบฯบางส่วนมาช่วยสนับสนุนธุรกิจรถบัสนำเที่ยวโดยตรง รัฐช่วยจ่ายค่าเช่ารถฯคันละ 10,000 บาทต่อวัน จำนวน 5,000 คันต่อเดือนใน 5 ภูมิภาค กระจาย 1,000 คันต่อภูมิภาคต่อเดือน เป็นระยะเวลานาน 6 เดือน คิดเป็นวงเงินสนับสนุนรวม 300 ล้านบาท เพื่อให้รถบัสนำเที่ยวได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก”
โดยรถบัสนำเที่ยวที่จะได้รับการสนับสนุนค่าเช่ารถนั้น ต้องมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการจริงและจ่ายเงินค่าแพ็คเกจท่องเที่ยว เช่น โปรแกรม 2 วัน 1 คืน หรือโปรแกรมแบบเช้าไปเย็นกลับ (One Day Tour) ภาครัฐสามารถตรวจสอบการเดินทางได้ไม่ยาก และไม่เกิดการโกงแน่นอน!
นอกเหนือจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันกับทัวร์เที่ยวไทยแล้ว สทท.ยังเสนอให้มีการจัดงานส่งเสริมการขายสินค้าท่องเที่ยว หรือ “แทรเวล แฟร์” จำนวน 4 ครั้งต่อปี เพื่อดึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากทุกสาขาอาชีพมาออกบูธ กระตุ้นยอดขายฟื้นตลาดไทยเที่ยวไทยซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19
“ข้อเสนอทั้งหมดนี้ สทท.จะรวบรวมเพื่อจัดทำเป็นหนังสือยื่นถึงนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ททท.เพื่อพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่อไป” ประธาน สทท.กล่าว