สปสช.นัดถก รพ.เอกชน 19 พ.ค.นี้ ย้ำแนวทางเบิกค่ารักษาโควิด-19
สปสช.เตรียมจัดประชุมร่วมกับ รพ.เอกชน ทั่วประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ ย้ำเรื่องการขอความร่วมมือไม่เรียกค่ารักษาจากผู้ป่วยโควิด-19 โดยให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายมาที่ สปสช. อีกทั้งจะได้รับฟังข้อเสนอแนะเพื่อนำมาปรับปรุงหลักเกณฑ์กติกาการให้บริการแก่ประชาชนต่อไป
วันนี้ (18 พ.ค. 64) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า สปสช.เตรียมเชิญตัวแทนโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม ผ่านระบบออนไลน์โปรแกรม Zoom Meeting ใน 19 พ.ค. 2564 นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 3 แล้ว เพื่อชี้แจงแนวทางการขอรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขสำหรับกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 และ กรณี UCEP โควิด-19 ตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่
อีกทั้ง จะได้เน้นย้ำเรื่องการขอความร่วมมือไม่เรียกค่ารักษาจากผู้ป่วยโควิด-19 โดยให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายมาที่ สปสช. สำนักงานประกันสังคม และกรมบัญชีกลาง ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขกำหนดค่าใช้จ่ายที่ได้มีการกำหนดไว้
การประชุมในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ค.) จะครอบคลุมประเด็นการชี้แจงดังต่อไปนี้ 1.เน้นย้ำประเด็นสำคัญ การขอรับค่าใช้จ่ายค่าตรวจคัดกรอง การตรวจทางห้องปฏิบัติ และบริการอื่นๆ กรณีโรคโควิด-19 2.ทำอย่างไรสถานพยาบาลจะพิสูจน์ตัวตนประชาชนผู้รับบริการผ่านระบบ Smart card โดยใช้บัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดได้อย่างสะดวก 3.ทำความรู้จักกับโปรแกรม e-Claim เพื่อบันทึกขอรับค่าใช้จ่ายการตรวจทางห้องปฏิบัติ และบริการอื่นๆ กรณีโรคโควิด-19 และ 4.ค่าใช้จ่ายในสถานบริการเอกชน (UCEP-COVID) สำหรับการดูแลกรณีโรคโควิด-19
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ สปสช.ได้มีการจัดประชุมในลักษณะดังกล่าวเป็นระยะๆอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาก็ยังมีการร้องเรียนเข้ามาที่สายด่วน 1330 ของ สปสช. และสายด่วน 1426 ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) จำนวนหนึ่งว่ายังมีประชาชนที่มารับบริการเกี่ยวกับโควิด-19 ถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงิน ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้ว ส่วนหนึ่งที่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยเนื่องจากความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เช่น เกณฑ์การตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆ เดิมต้องให้มีอาการก่อนถึงจะตรวจ แต่ตอนนี้ให้แพทย์พิจารณาก็ตรวจได้แล้ว รวมทั้งในเรื่องรายการที่ไม่มีอยู่ในบัญชีค่าใช้จ่ายที่กำหนด ตามขั้นตอนคือแจ้งไปที่ สบส. เพื่อขอให้พิจารณาขยายรายการเพิ่มเติมแล้ว เป็นต้น
"ในบางกรณีก็มีการให้เหตุผลว่า สปสช.จ่ายเงินช้า จึงต้องเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยไว้ก่อน เมื่อเบิกจาก สปสช.ได้แล้วจึงจะคืนให้ผู้ป่วย ซึ่งเราก็ได้ปรับรอบการจ่ายให้เร็วขึ้นแล้ว จาก 1 เดือนเป็นทุกๆ 2 สัปดาห์ แต่ก็ยังมีส่วนน้อยที่เรียกเก็บเกินราคาที่กำหนด โดยให้ผู้ป่วยจ่ายส่วนที่เกินจากที่ สปสช. จ่ายให้ ซึ่งกรณีแบบนี้ก็ต้องย้ำเตือนและขอความร่วมมือให้เก็บค่าบริการตามที่กำหนด เพราะเป็นราคาที่ สปสช. สบส. และสมาคมโรงพยาบาลเอกชนได้ตกลงร่วมกันแล้ว และต้องไม่เก็บจากประชาชน แต่ให้มาเก็บที่ สปสช.แทน" นพ.จเด็จ กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวด้วยว่า เพื่อตอกย้ำให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจที่ตรงกัน จึงได้มีการจัดประชุมในครั้งนี้ขึ้น และในอนาคตก็จะมีการประชุมลักษณะนี้ไปอีกเรื่อยๆ เพื่ออัพเดทหลักเกณฑ์กติกาต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ อีกทั้งจะได้เป็นช่องทางรับฟังข้อเสนอแนะจากโรงพยาบาลเอกชน เพื่อนำกลับมาปรับปรุงต่อไปในอนาคตด้วย