ราช กรุ๊ป รุกธุรกิจใหม่เฮลท์แคร์เสริมรายได้
ราช กรุ๊ป รุกธุรกิจใหม่เฮลท์แคร์ ทุ่ม 1,500 พันล้านบาท เข้าซื้อหุ้น พริ้นฯ ลุยขยายโรงพยาบาล คลินิก ศูนย์ดูแลสุขภาพ ใน 3 ปี เจาะตลาดเมืองรองต่างจังหวัดปี เริ่มรับรู้กำไรปี 65
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า ราช กรุ๊ป ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือPRINC แบบมอบอำนาจทั่วไป จำนวน 346,233,682 หุ้น และหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 34,623,369 หุ้น รวมเป็นหุ้นทั้งหมด 380,857,051 หุ้น คิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยมูลค่าการซื้อขายเป็นจำนวน 1,557,705,338.59 บาท ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาจองซื้อหุ้น สัญญาซื้อขายหุ้น และสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น เป็นที่เรียบร้อยแล้ววันนี้(24 พ.ค.2564)
โดย การที่บริษัทตัดสินใจรุกเข้าสู่ธุรกิจบริการสุขภาพ ซึ่งถือเป็นการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภคนั้น เนื่องจากธุรกิจนี้มีความหลากหลาย ยังเติบโต และย่อยอดได้ ไม่มีความผันผวน เช่นเดียวกับธุรกิจไฟฟ้า และยังมีรายได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ รวมถึงเป็นการตอบแทนชุมชน และดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการเลือกใช้เทคโนโลยีซึ่งจะส่วนเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(Co2) ขณะที่เดียวกันทาง พริ้นฯ ก็มีแผนขยายการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต ดังนั้น ธุรกิจนี้จะสนับสนุนการเติบโตให้ราช กรุ๊ป ตลอดจนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ที่ผ่านมาบริษัท ใช้เวลาในการศึกษาธุรกิจนี้มาประมาณ 2 ปีก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน โดยมีผลตอบแทนที่เหมาะสม มีอัตรากำไร (profit margin) ระดับ 2 หลัก แม้ว่าจะระยะแรกการดำเนินงานอาจจะขาดทุนบ้าง แต่เชื่อว่าระยะยาวจะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน อีกทั้ง ทางพริ้นฯ ยังเปิดโอกาสให้ ราช กรุ๊ป ส่งตัวแทนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการพิจารณาการลงทุนด้วย
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจบริการสุขภาพในประเทศไทยมีศักยภาพการเติบโตอย่างมีนัยในระยะยาว จากสภาวะสังคมผู้สูงอายุ และพฤติกรรมความสนใจการดูแลสุขภาพของคนในสังคมที่มีเพิ่มขึ้น ซึ่งการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ถือเป็นตัวเร่งการเติบโตที่สำคัญของทั้งห่วงโซ่มูลค่าของธุรกิจนี้ด้วย ไม่เพียงเฉพาะการบริการทางแพทย์และบริการส่งเสริมสุขภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์ยา อาหารเสริม เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ จนถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์และสุขภาพด้วย
นายกิจจา กล่าวอีกว่า การใช้เงินประมาณ 1,500 ล้านบาทเพื่อเข้าซื้อหุ้น พริ้นฯ ไม่มีผลกระทบต่อสถานะการเงินของบริษัท โดยปีนี้ บริษัทตั้งงบประมาณอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือ 8,000 ล้านบาท และอีก 7 พันล้านบาท เป็นการเตรียมไว้ สำหรับแผนลงทุนในการขยายงานใหม่ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน โดยอัตราหนี้สินต่อทุนของบริษัท อยู่ที่ประมาณ 0.6 ก็ยังมีความสามารถกู้เงินได้อีกหลายหมื่นล้านบาท และในอนาคตหากธุรกิจเติบโตไปได้ดี บริษัทก็พร้อมที่จะร่วมขยายการลงทุนต่อไป
นายสาธิต วิทยากร กรรมการผู้จัดการบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าความร่วมมือครั้งสำคัญยิ่งนี้จะนำไปสู่การขยายโรงพยาบาลตามเป้าในปี 2565 รวม 20 แห่งจากปัจจุบันมีจำนวน 11 แห่งใน 10 จังหวัด และมีแผนขยายเครือข่ายปฐมภูมิที่เป็นคลินิกบัตรทอง จากปัจจุบันเปิดดำเนินการ 13 แห่งให้ครอบคลุมทั้งประเทศ 100 แห่งในปี 2565 และศูนย์ดูแลฟื้นฟูผู้สูงอายุ 5 แห่ง คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลที่มีอยู่แล้ว รวมถึงสร้างใหม่เฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีโรงพยาบาลเอกชนตั้งอยู่
“3 ปีที่ผ่านมาเราเน้นสร้างโรงพยาบาล เหมือนเข้าปีที่ 4 ก็คาดว่าจะมีกำไร แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดมา ก็อาจต้องปรับแผนเล็กน้อย ดังนั้น ช่วงปีที่ 4-5 คาดว่าจะมี EBITDA ราว 15%และ มีnet profit ประมาณ 5% ซึ่งโรงพยาบาลหลังๆจะไม่สร้างเอง บริษัทก็จะขาดทุนน้อยลง ผลประกอบการ 3-4 ปีจะกลับมาเพราะเราจะเข้าไปในโรงพยาบาลที่มีกำไรอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ การแข่งขันในธุรกิจบริการสุขภาพปัจจุบันค่อนข้างรุนแรง มีโรงพยาบาลเปิดใหม่ และมีผู้เล่นเข้ามาใหม่หลายเจ้า เช่น บริษัทประกันเข้ามามากขึ้นและเท่ากับ 50% ของผู้ที่จ่ายเงินให้กับโรงพยาบาล ฉะนั้นการแข่งขันสูง แต่เป็นการแข่งขันที่สูงเฉพาะในเมืองใหญ่ ส่วนเมืองรอง การแข่งขันยังอยู่ในระดับต่ำ และปานกลาง อีกทั้งบางจังหวัดยังไม่มีโรงพยาบาลเอกชน
ซึ่ง พริ้นฯจะเน้นการไปเจาะตลาดเหล่านี้ และธุรกิจเฮลท์แคร์เป็นพื้นฐานปัจจัย4 หากทำได้ดี เข้าถึงไดง่าย ในราคาที่ไม่แพง ก็ยังมีโอกาสขยายงานได้อีก โดยการขยายงาน จะเน้นจังหวัดเป้าหมาย เช่น ภาคใต้และภาคอีสาน ที่ยังขาดแคลนด้านบริการสุขภาพอยู่ และจะเน้นเข้าซื้อโรงพยาบาลที่มีขนาดรองรับได้ 60-100 เตียง โดยจะเข้าไปเสริมบริการให้ดีขึ้น พร้อมกับลดต้นทุน หาเครื่องมือแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาเสริมเพื่อให้ประสิทธิภาพรองรับผู้ป่วยได้ดีขึ้น โดยมั่นใจว่า การขยายให้ครบ 20 โรงพยาบาลจะดำเนินการได้ตามแผน ซึ่งปีนี้ อยู่ในแผนแล้ว 3-4 โรงพยาบาลที่จะเข้าไปเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม พริ้นฯ คาดหวังว่า ราช กรุ๊ป จะช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมายในการมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้าน Digital Platform ทางการแพทย์เพื่อสร้างประสบการณ์และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนไทยโดยเฉพาะเมืองรอง ให้มีโอกาสได้เข้าถึงระบบสาธารณสุขที่ดี