‘ดอยตุง’ ต่อยอดเศรษฐกิจหมุนเวียน ส่งสินค้าคุณภาพเจาะตลาดญี่ปุ่น
"ดอยตุง" ตอกย้ำแบรนด์สินค้าคุณภาพ ใช้แนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน การพัฒนาอย่างยั่งยืนสร้างจุดแข็งวิสาหกิจเพื่อสังคม ส่งสินค้าคุณภาพเจาะตลาดสินค้าญี่ปุ่น จับมือ "โอนิซึกะ ไทเกอร์ " ออกผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษใช้ better cotton เน้น Zero Waste ในกระบวนการผลิต
ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่าในปี พ.ศ. 2565 มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะครบรอบ 50 ปี ที่ผ่านมามูลนิธิฯ ปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ของสังคมมาโดยตลอด โดยในส่วนของการพัฒนาสินค้าและทำธุรกิจของโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริสะท้อนถึงปรัชญาธุรกิจเพื่อสังคมของโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ที่มุ่งผลิตสินค้าคุณภาพเพื่อพัฒนาชุมชนด้อยโอกาสในพื้นที่ต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง
เส้นทางการพัฒนาของโครงการดอยตุงเน้นในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยในช่วงสิบห้าปีแรก เราใช้ชื่อว่ามูลนิธิส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชาวเขาไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แล้วเปลี่ยนมาเป็นมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ที่แก้ปัญหายาเสพติดด้วยการพึ่งพาป่าและรายได้จากป่า มีการสร้างอาชีพเสริมต่างๆ ทั้งกาแฟ เสื้อผ้า กระดาษสา เซรามิก และการท่องเที่ยว และเมื่อโลกเปลี่ยนไป ทิศทางในอนาคตจึงมุ่งไปสู่การสร้างความยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจสีเขียวมากขึ้นซึ่งต้องให้ความสำคัญกับเกษตรมูลค่าสูง และเศรษฐกิจหมุนเวียน
ในการผลิตสินค้าออกสู่ตลาดดอยตุงเน้นในเรื่องของ “คุณภาพ” เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ตั้งแต่ผู้บริหารจนพนักงานทุกคนจำพระราชดำรัสของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี "สมเด็จย่า" ได้ขึ้นใจว่า "อย่าให้คนซื้อของเราเพราะสงสาร" ซึ่งทำให้เราก็ยึดมั่นในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมาโดยตลอด
ผลงานของสินค้าคุณภาพจากธุรกิจเพื่อสังคมตราดอยตุง ที่เป็นรูปธรรมสะท้อนผ่านรางวัลสาขาการออกแบบที่แบรนด์ดอยตุงได้รับมาอย่างต่อเนื่องทั้งระดับประเทศอย่าง Design Excellence Award (DEmark) จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทย รวมถึงรางวัลระดับโลกอย่าง Good Design Award (G-Mark) จากองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น และ สถาบันส่งเสริมการออกแบบแห่งประเทศญี่ปุ่น
การพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทำให้สินค้าของดอยตุงสามารถเข้าสู่ตลาดคุณภาพอย่างประเทศญี่ปุ่นได้ ม.ล.ดิศปนัดดากล่าวว่าญี่ปุ่นเป็นตลาดสินค้าที่เน้นสินค้าคุณภาพสูง เมื่อผลิตภัณฑ์ดอยตุงได้รับการยอมรับจากญี่ปุ่น แสดงว่าสินค้าของเราผ่านมาตรฐานระดับโลก ซึ่งความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาดอยตุงฯนี้ถือเป็นเรื่องน่าภูมิใจของชาวไทยทุกคนด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านมา โครงการพัฒนาดอยตุงฯ จับมือกับพันธมิตรที่หลากหลายในวงการกาแฟของประเทศญี่ปุ่น โดยหนึ่งในลูกค้ารายแรกๆ ที่สนับสนุนกาแฟของดอยตุงมายาวนานกว่าสิบปี คือ Kaldi Coffee Farm ร้านค้าปลีกชื่อดังที่รวบรวมอาหารและเครื่องดื่มจากทุกมุมโลกและมีสาขาเกือบ 500 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น
ไม่เพียงเท่านั้น โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ยังเปิดคาเฟ่ดอยตุงที่จังหวัดอิราบากิ ในโรงพยาบาลโจโซตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจนขยายสาขาที่สองในอีกสามปีถัดมา ณ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวในจังหวัดเดียวกัน และดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบัน
“แต่เราก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เพราะเราพัฒนากาแฟตลอดกระบวนการ ตั้งแต่การปลูก เก็บเกี่ยว คั่วอย่างพิถีพิถันจนถึงกระบวนการหน้าร้าน โดยมีเป้าหมายให้ดอยตุงเป็นหนึ่งในกาแฟสุดยอดของประเทศไทย”
โครงการพัฒนาดอยตุงฯ จึงจับมือกับ José Yoshiaki Kawashima ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Mi Cafeto ในการพัฒนาสายพันธุ์กาแฟ และขยายตลาดกาแฟดอยตุงให้เป็นที่รู้จักในประเทศญี่ปุ่น นำไปสู่ความร่วมมืออื่นๆ ที่ยึดมั่นในการส่งเสริมความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ อาทิ การได้รับคัดเลือกให้เป็นกาแฟสำหรับบริการผู้โดยสารสายการบิน Japan Airlines เที่ยวบินกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น
การจำหน่ายเมล็ดกาแฟให้บริษัท Bellsystem24 ผู้ให้บริการลูกค้าสัมพันธ์ครบวงจรของประเทศญี่ปุ่นเพื่อจัดตั้งร้านกาแฟสำหรับพนักงานกว่าหมื่นคน รวมถึงความร่วมมือกับ MUJI ร้านไลฟ์สไตล์ชื่อดังที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2559 โดยโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ส่งเมล็ดกาแฟให้ MUJI Café&Meal ในประเทศญี่ปุ่น จากนั้นค่อยๆ ขยายความร่วมมือมายัง MUJI Thailand ที่ใช้กาแฟสูตรพิเศษจากดอยตุงใน MUJI Coffee Corner 4 สาขาในประเทศไทย รวมถึงสนับสนุนผลิตภัณฑ์หลากหลายของแบรนด์ดอยตุง ทั้งงานหัตถกรรม กาแฟ แมคคาเดเมีย ไม้ประดับ และผัก ผลไม้สดเพื่อสนับสนุนเกษตรกรไทย
ล่าสุดดอยตุงมีความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกของญี่ปุ่น “โอนิซึกะ ไทเกอร์ (Onitsuka Tiger)” เพื่อผลิตรองเท้ารุ่นพิเศษจากใช้เส้นใยจากพลาสติกรีไซเคิล และ better cotton เพื่อเน้นย้ำนโยบาย zero waste ขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ความร่วมมือระหว่างดอยตุงและโอนิซึกะ ไทเกอร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นก้าวใหม่ของโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ที่จับมือกับพันธมิตรระดับโลกที่มีเจตนารมณ์เดียวกัน คือ การสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมผ่านเศรษฐกิจหมุนเวียน
โดยโอนิซึกะ ไทเกอร์ บริษัทเก่าแก่ที่มีอายุ 72 ปี ที่ยึดมั่นในปรัชญาธุรกิจสังคมเช่นเดียวกัน โดยบริษัทนี้ก่อตั้งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีเป้าหมายแรกเริ่มในการผลิตรองเท้าเพื่อส่งเสริมกีฬาในหมู่เยาวชนให้เป็นเครื่องมือฟื้นฟูชาติ พัฒนาสินค้าเรื่อยมาจนเป็นที่ยอมรับทั่วโลก และมุ่งเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้รองเท้ารุ่นพิเศษ Onitsuka Tiger x DoiTung วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาได้รับความนิยม มียอดสั่งจองและสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ผู้สนใจสินค้าสามารถติดต่อได้ที่ร้าน Doi Tung Lifestyle ที่ทำการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ถนนพระราม 4