นพ.ยง ชี้ 'โควิดไทย' เตรียมทะลุ 2 แสน เผยเคยติดเชื้อแล้ว ก็ควรฉีดวัคซีนซ้ำ

คืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อการยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ที่กำลังจะเปิดให้กลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีถึง 59 ปี 10 เดือน รวมถึงผู้ที่ไม่ได้มี 7 โรคเสี่ยงให้ได้จองฉีดวัคซีน โดยจะเริ่มต้นฉีดวัคซีนโควิดกันในวันที่ 7 มิ.ย.64 ที่จะถึงนี้นั้น

ขณะที่ จากข้อมูลล่าสุดของสถานการณ์โควิด-19 พบว่า ณ วันที่ 29 พ.ค.64 ประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่ 4,803 ราย โดยรวมผู้ป่วยยืนยันสะสม ระลอก3 (ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) รวม 120,916 ราย หายป่วยแล้ว 74,885 ราย หรือรวมที่หายป่วยแล้วทั้งหมดคือ 102,311 รายนั้น เมื่อรัฐบาลประกาศปูพรมฉีดวัคซีนโควิดให้ได้มากขึ้น ก็เริ่มเกิดคำถามสำหรับ ผู้ที่เคยติดโควิดและรักษาหายแล้วกว่าแสนรายว่า แล้วยังต้อฉีดวัคซีนโควิดอีกไหมนั้น?

เรื่องนี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ค Yong Poovorawan เมื่อวันที่ 29 พ.ค.64 ในหัวข้อ "โควิด 19 วัคซีน คนที่เคยเป็นโรคแล้วจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหรือไม่"

ศ.นพ.ยง เผยว่า จากการติดตามผู้ที่เคยเป็นโรคโควิด-19 แล้ว พบว่า มีโอกาสป่วยโควิด-19 ซ้ำได้อีก โดยการติดเชื้อซ้ำส่วนมากจะเกิดขึ้นหลัง 3 เดือนไปแล้วหลังติดเชื้อ

ดังนั้น แม้จะเป็นผู้ที่เคยติดเชื้อหรือเป็นโรคมาแล้ว เมื่อหายแล้วก็ควรที่จะได้รับวัคซีนอีก โดยให้หลังการติดเชื้อแล้ว 3 ถึง 6 เดือน ในประเทศทางตะวันตก จะให้ตามกำหนดของวัคซีน

พร้อมกันนี้ ศ.นพ.ยง ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า ขณะนี้ทางศูนย์ได้ดำเนินการทำวิจัยในเรื่องดังกล่าว

..ได้ให้ผู้ที่หายจากโรค covid 19 แล้ว ตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป มาเป็นอาสาสมัครมารับวัคซีน ซึ่งมีทั้ง AstraZeneca และ Sinovac 1 ครั้ง และจะขอตรวจภูมิต้านทานติดตามดูระดับภูมิต้านทาน ดังนั้นจะเป็นผู้ที่หายแล้วเกินกว่า 2 เดือน จะเป็นกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ เพื่อที่จะได้รับวัคซีนในเดือนหน้า

ส่วนผู้ที่หายมานานมากกว่า 6 เดือนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ติดเชื้อปีที่แล้ว ขณะนี้ได้ให้วัคซีนไปแล้ว 62 คน โดยจะให้วัคซีน 2 ครั้งตามกำหนดของวัคซีน AstraZeneca และ Sinovac อยู่ระหว่างการติดตาม

โดย ศ.นพ.ยง ได้ย้ำว่า การศึกษาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเป็นแสนคน และคงจะเกิน 2 แสน คน ในไม่ช้าอย่างแน่นอน การทำวิจัยครั้งนี้ จึงเพื่อเป็นแนวทางในการให้วัคซีนในกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อมาก่อน

  

อ้างอิงข้อมูล : Yong Poovorawan