'ลุงพล' กับ 3 ข้อหาคดี 'น้องชมพู่' และโทษที่จะได้รับตามกฎหมาย

'ลุงพล' กับ 3 ข้อหาคดี 'น้องชมพู่' และโทษที่จะได้รับตามกฎหมาย

ชวนรู้ข้อกฎหมายสำคัญผ่านกรณี "ลุงพล" หรือ "ไชย์พล วิภา" ผู้ต้องหาในคดี "น้องชมพู่" หลังจากศาลได้ออกหมายจับใน 3 ข้อหา (เลขที่ จ.53/2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564) ซึ่งแต่ละข้อหามีอัตราโทษอย่างไร? เช็คที่นี่

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.64) มีรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้อนุมัติหมายจับนายไชย์พล วิภา หรือ "ลุงพล" ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่”  ที่เป็นคดียาวนานมาตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.63 โดยลุงพลถูกแจ้งจับใน 3 ข้อหา 

ล่าสุดวันนี้ (2 มิ.ย.64) "ลุงพล" และ "ป้าแต๋น" ได้เดินทางพร้อมกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด มาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเข้ามอบตัวในคดี "น้องชมพู่" ซึ่งทั้งหมดได้เข้าพบเจ้าหน้าที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ

ลำดับถัดไป เจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนผู้ต้องหาภายใน 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการประกันตัว(หากมีผู้ร้องขอ) หรือฝากขังหากต้องสอบสวนต่อเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายของทั้ง 3 ข้อหาที่ "ลุงพล" ถูกออกหมายจับ แต่ละข้อหามีรายละเอียดและอัตราโทษอย่างไร? กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รวบรวมข้อมูลมาให้รู้กันที่นี่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ลุงพล ถูกออกหมายจับโดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เลขที่ จ.53/2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ซึ่งมีการแจ้งจับใน 3 ข้อหา คือ

1. พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร

ข้อหานี้เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 11 ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง (มาตรา 309-333) หมวด 1 ความผิดต่อเสรีภาพ (มาตรา 309-321/1)

ซึ่งข้อหานี้ตรงกับมาตรา 317(6) ที่ระบุว่า ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 - 300,000 บาท

[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560]

2. ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย

ข้อหานี้เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 10 ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย (มาตรา 288-308) หมวด 4 ความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก คนเจ็บป่วยหรือคนชรา (มาตรา 306-308)

ซึ่งข้อหานี้ตรงกับมาตรา 306 ที่ระบุว่า ผู้ใดทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560]

และยังตรงกับฐานความผิดตามมาตรา 308 ที่ระบุว่า ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 306 หรือมาตรา 307เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย หรือรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 290 มาตรา 297 หรือมาตรา 298 นั้น

มาตรา 290 ระบุว่า ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-20 ปี

162261881986

3. กระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

ข้อหานี้เข้าข่ายความผิดในหมวด 2 การชันสูตรพลิกศพ (มาตรา 148-156) ซึ่งการชันสูตรพลิกศพเป็นกระบวนการที่ต้องกระทำ ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา148-156 

ซึ่งตรงกับมาตรา 150 ทวิ ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่า จะทำให้การซันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป (เว้นแต่ จำเป็นต้องกระทำเพื่อป้องกันอันตรายแก่อนามัยของประชาชนหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 - 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำโดยทุจริต หรือเพื่ออำพรางคดีผู้กระทำ ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

ทั้งนี้ อัตราโทษของกรณี "ลุงพล" ผู้ต้องหาคดี "น้องชมพู่" ที่ถูกหมายจับทั้ง 3 ข้อหา ยังต้องรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ออกมาแถลงยืนยันอีกครั้ง ซึ่งทีมข่าวจะเกาะติดและนำมารายงานให้ทราบต่อไป

--------------------------

อ้างอิง : 

สถาบันนิติธรรมาลัย/หมวด1

สถาบันนิติธรรมาลัย/หมวด4

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา