'อาเซียน' เร่งสมาชิกปรับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สอดคล้องกัน
มกอช.ชี้ที่ประชุม EWG-OA เร่งปรับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ประเทศอาเซียน หลังพบ มีแค่ บรูไน มาเลเซีย ผ่านมาตรฐานขั้นต่ำ ขณะสิงคโปร์ ยื่นมาตรฐานพืชในกระถาง
นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทย ในการประชุม ASEAN Experts Working Group for Organic Agriculture (EWG-OA) โดยมีสาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ เพื่อติดตามการเทียบเคียงมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของแต่ละประเทศสมาชิกกับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของอาเซียน (ASOA) ซึ่งพบว่า ขณะนี้มีเพียง 2 ประเทศที่ผ่านการประเมินว่าเป็นไปตามข้อกำหนดขั้นต่ำ (Align) ของมาตรฐานอาเซียนแล้ว คือ ประเทศบรูไน ดารุสสาลาม และ มาเลเซีย ส่วนประเทศอื่น อยู่ระหว่างการการแก้ไขมาตรฐานให้สอดคล้องกับอาเซียน รวมถึงประเทศไทยที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาประกาศใช้
โดยที่ประชุมฯ ได้มีการพิจารณาผลเทียบเคียงขั้นสุดท้าย (Group Validation) ของมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของประเทศสิงคโปร์ พบว่า ส่วนใหญ่สอดคล้องกับอาเซียนยกเว้นการปลูกพืชอินทรีย์ในกระถาง ที่สิงคโปร์ต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม จึงจะสามารถประเมินได้ว่าใช้ดินจากฟาร์มที่ผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐานหรือไม่
รวมถึง พิจารณาข้อเสนอโครงการการจัดทำเอกสารการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนด้านมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของอาเซียนด้านพืชและผลิตภัณฑ์ และความก้าวหน้าของการจัดทำความตกลงการยอมรับร่วมด้านเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีส่วนสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้สินค้าอินทรีย์ของภูมิภาคอาเซียนให้มีอำนาจต่อรองและค้าขายได้ในตลาดโลก และการคัดเลือกประธานการประชุมคนใหม่ แทนฟิลิปปินส์ที่กำลังจะหมดวาระลง
โดยสิงคโปร์จะเป็นประธานการประชุมคนต่อไป แต่เนื่องจากที่ประชุมเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยเสนอให้ประเทศไทยรับเป็นประธานการประชุม อีกทั้งในปี 2565 ประเทศไทยได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพในการประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ สินค้าเกษตรมีโอกาสเติบโตในตลาดโลกอย่างมาก ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงแสนกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราเติบโตปีละ 20% ตลาดที่สำคัญของโลกคือยุโรปและอเมริกาเหนือ และที่มีแนวโน้มสูงขึ้นมากคือ จีน ออสเตรเลีย และอาเซียน สำหรับในประเทศไทย มีมูลค่าตลาด 3,000 ล้านบาท และส่งออก 2,000 ล้านบาท
ประเทศไทยในฐานะประเทศผู้นำที่ร่วมในการประชุมดังกล่าวมาโดยตลอด ได้ให้ข้อคิดเห็นที่ทำให้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทยสอดคล้องกับมาตรฐานอาเซียน เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้าอินทรีย์ไทยในการที่จะผลิตสินค้าอินทรีย์ให้สามารถจำหน่ายได้ในภูมิภาคเป็นการเปิดช่องทางการค้าขายสินค้าอินทรีย์ Organic Thailand ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดอาเซียน
“มกอช. พร้อมที่รับเป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งต่อไป เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรให้สินค้าอินทรีย์ของไทย มีความเข้มแข็งและเป็นผู้นำในตลาดอาเซียนและขยายช่องทางไปยังตลาดโลกต่อไป”