เศรษฐกิจ
ไทยชู 6 ประเด็น ขับเคลื่อนการค้าหลังเจอแก้ผลกระทบเศรศฐกิจจากพิษโควิดในเวทีการค้าเอเปค
“จุรินทร์”ร่วมประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปกกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก ชู 6ประเด็น แก้ปัญหาเศรษฐกิจจากผลโควิด เดินหน้าหนุนการค้าสมาชิกดับบลิวทีโอในรูปแบบเอฟทีเอ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมระหว่างรัฐมนตรีการค้าเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทาง ธุรกิจของเอเปค (APEC Business Advisory Council: ABAC) รวม21 เศรษฐกิจ ผ่านระบบ Video Conference ว่าได้ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีการค้าเอเปกรวมทั้งสิ้น 21 เขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของเอเปก โดยเป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีการค้ากับภาคเอกชนของแต่ละประเทศซึ่ง ที่ประชุมได้แบ่งกลุ่มเพื่อหาข้อสรุปทั้งหมด 3 กลุ่มโดยกลุ่มแรกแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องเศรษฐกิจระดับภูมิภาค การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค กลุ่มที่ 2 การรับมือทางเศรษฐกิจต่อสถานการณ์โควิดและกลุ่มที่ 3 การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด
สำหรับประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ 2 เรื่องการรับมือทางเศรษฐกิจต่อสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นในภูมิภาคโดยไทยได้ให้ความเห็นไปทั้งสิ้น 6 เรื่องประกอบด้วย 1 .สถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นในภูมิภาค ส่งผลกระทบต่อทั้งภาคธุรกิจและการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค 2. ประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาได้รับมือกับวิกฤตโควิดโดยใช้โมเดลการค้ายุคใหม่ เช่นการค้าออนไลน์ การจับคู่เจรจาธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสให้ SME และ Micro SME มีส่วนส่งออกสินค้าได้ต่อไป
3 .ประเทศไทยสนับสนุนการเชื่อมโยงในกลุ่มประเทศเอเปค หลังจากเกิดโควิดในช่วงปีที่ผ่านมาโดยสนับสนุนให้มีการผ่อนคลายการห้ามเดินทางระหว่างประเทศ โดยแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าประเทศไทยจะเริ่มเปิดโมเดลการท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต ที่เรียกว่า ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ โดยเริ่มเปิดเกาะในวันที่ 1 ก.ค. 2564
4 .ประเทศไทยจัดสรรให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนและสินค้าจำเป็นโดยสนับสนุนให้มีการขจัดข้อจำกัดในการส่งสินค้าข้ามแดน และประเทศไทยได้ยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับยาและเครื่องมือแพทย์จากประเทศต่างๆ 5 .ประเทศไทยจะเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ทั่วถึงโดยเร็วเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้เกิดขึ้นในความร่วมมือในระดับภูมิภาค และ6 .ประเทศไทยสนับสนุนและส่งเสริมการค้าที่นำไปสู่ความยั่งยืน เช่น กำหนดให้ BCG โมเดลเป็นโมเดลทางเศรษฐกิจสำคัญในการขับเคลื่อนของประเทศไทยเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤติโ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ภายหลังการหารือมีข้อสรุปหลายประเด็น โดยเฉพาะปัญหาโควิดที่เกิดขึ้น
ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทั้งในเรื่องวัคซีนและการเดินทางข้ามแดนระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดอุปสรรคทางการค้าและนำไปสู่ผลกระทบทั้งภาครัฐและเอกชน โดยที่ประชุมเสนอให้ภาครัฐต้องไม่ออกมาตรการที่เป็นอุปสรรคในการเคลื่อนย้ายวัคซีนและสินค้าจำเป็นเพื่อให้ทุกประเทศหรือทุกฝ่ายรวมทั้งผู้ด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงวัคซีนและสินค้าจำเป็นได้ นอกจากนี้ภาคธุรกิจในภูมิภาคยังมีความเข้มแข็งและสามารถปรับตัวได้เร็ว ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ทั้งนี้เอเปคจะร่วมกันผลักดันให้การเจรจาภายใต้เงื่อนไของค์การการค้าโลกหรือดับบลิวทีโอ เพื่อบรรลุผลโดยเร็วรวมทั้งสนับสนุนให้พัฒนาเอเปคซึ่งในรูปแบบความร่วมมือเศรษฐกิจพัฒนาไปเป็นเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ ต่อไปในอนาคต