'ซิกนิฟาย’ชูนวัตกรรมสมาร์ทโฮม-ไอโอที รับยุคนิวนอร์มอล
ผ่ากลยุทธ์ "ซิกนิฟาย" ลุยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลก สังคม สิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์การป้องกันและรับมือกับโควิด-19 รวมถึงการรับมือการระบาดของโรคอุบัติใหม่ในอนาคต!
เทรนด์ของโลกจากผลกระทบด้านความยั่งยืน พบว่า พลังงานที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ 60% เป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจก มีเพียง 19 เมืองที่ตั้งเป้าใช้พลังงานคาร์บอนเป็นศูนย์ และ 9% มีการใช้เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือประมาณ 200 บริษัทใหญ่ทั่วโลก โดย “ซิกนิฟาย” ผู้พัฒนาธุรกิจระบบไฟ และอุปกรณ์แสงสว่าง ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการแบรนด์ฟิลิปส์ เป็นหนึ่งในนั้น!
จาร์กันนาธาน ศรีนิวาสัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิกนิฟาย คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซิกนิฟาย มุ่งเสนอความคุ้มค่าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่จะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลก สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวทาง “เราต้องการปลดล็อกศักยภาพพิเศษของแสงไฟ เพื่อชีวิตที่สดใสและโลกที่น่าอยู่กว่าเดิม” ตอบโจทย์การป้องกันและรับมือกับโควิด-19 รวมถึงการรับมือการระบาดของโรคอุบัติใหม่ในอนาคต!
ในปี 2561 มีกว่า 25% ของโลกที่ประสบกับปัญหาความไม่มั่นคงด้านอาหาร และคาดว่าจะมีความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น 70% ในปี 2578 ส่วนด้านสุขภาพ ในปี 2593 ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มีสูงถึง 22% ของประชากรโลก ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา มีการใช้จ่ายด้านสุขภาพถึง 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ “ยอดการผลิตแสงสว่างเพื่อสุขภาพ” สูงขึ้น 16% ในด้านความปลอดภัย มีแนวโน้มว่าปี 2593 จะมีประชากรอาศัยในเมืองสูง 70% และคาดว่าภายในปี 2573 จะมีราว 60 ประเทศที่ถนนกว่าครึ่งหนึ่งในประเทศนั้นๆ ไม่ปลอดภัย และการเพิ่มแสงสว่างมีผลต่อทัศนวิสัย ช่วยลดอุบัติเหตุได้
เทรนด์ดังกล่าวนำสู่พันธกิจ “เพื่อชีวิตที่สดใสและโลกที่น่าอยู่กว่าเดิม” (Brighter lives, Better world) เพื่อขับเคลื่อนสังคมโลกสู่ความยั่งยืนของซิกนิฟาย สอดคล้องการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals, UN SDGs) ควบคู่ “กลยุทธ์นวัตกรรมเป็นศูนย์กลาง”ภายใต้ 5 เป้าหมายหลัก ได้แก่ รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มุ่งเน้นสินค้ากลุ่มแอลอีดี 2,000 ล้านชิ้น และโซลาร์เซลล์ที่ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ตั้งเป้าหยุดการใช้พลาสติก เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำพลาสติกใช้แล้วกลับมาผลิตใหม่เป็นโคมไฟด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ การเข้าถึงอาหาร พัฒนาผลิตภัณฑ์แสงสว่างที่ช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิต ลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์และการเพาะปลูกพืชผัก โดยเน้นเทคโนโลยีเพื่อการทำฟาร์มแนวตั้ง และการเพาะเลี้ยงสัตว์ ด้านความปลอดภัย เพิ่มความปลอดภัยให้เมืองใหญ่ด้วยระบบแสงส่องสว่างอัจฉริยะตามท้องถนน ด้วยเทคโนโลยีไลไฟ (Lifi) เป้าหมายสุดท้าย ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี มีทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มยูวีซี รองรับดีมานด์คนทั่วโลกจากการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้ง ฟิลิปส์ ฮิว และฟิลิปส์ วิช ระบบไฟสำหรับสมาร์ทโฮมรับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายในบ้าน และผลิตภัณฑ์หลอดไฟถนอมสายตา
“ซิกนิฟาย ประเทศไทย ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนตามแนวทาง UNSDGs โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพและความปลอดภัย มีความต้องการ มุมมองต่อสังคมโลก และสิ่งแวดล้อมในทางที่ดีมากขึ้น”
โดยมี 5 กลุ่มสินค้าเรือธง “กลุ่มสุขภาพ” ได้พัฒนาสินค้าในกลุ่มยูวีซี เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งยับยั้งเชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อไวรัสอื่นๆ “กลุ่มสมาร์ทโฮม” ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มไฮเอนท์สอดรับการทำงานเวิร์คฟอรมโฮม ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปส์ ฮิว, วิซ และหลอดไฟฟิลิปส์ถนอมสายตา "กลุ่มเทคโนโลยีล้ำอนาคต" ในยุคไอโอที ทั้งเทคโนโลยีไลไฟ (แบรนด์Trulifi) การรับส่งข้อมูลด้วยแสงที่มีความปลอดภัยสูง และอินเตอร์แอ็ค (แบรนด์Interact) แพลตฟอร์มไอโอทีเชื่อมโยงแสงสว่างเข้ากับระบบการจัดการ ใช้งานสะดวกและประหยัดพลังงาน “กลุ่มเทคโนโลยีแสงสว่าง” สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ และสุกร (แบรนด์Once) และการเพาะปลูกพืชผักผลไม้ (แบรนด์Philips) เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดอัตราสูญเสียผลิตผล สุดท้าย กลุ่มพลังงานและความยั่งยืนสินค้าประเภทโซลาร์เซลล์ (Philips Solar Cell) โคมไฟใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ และสินค้าโคมไฟทรีดี ปริ้นติ้ง (3D printing) ที่นำพลาสติกใช้แล้วมาผลิตโคมไฟรักษ์โลก
“ยามวิกฤติโควิด-19 แต่เราก็ยังอยู่ในลำดับต้นๆ ของไทย เพราะแบรนด์ฟิลิปส์ภายใต้ซิกนิฟายมีความเข้มแข็ง มีประวัติยาวนาน 129 ปี มีการลงทุนวิจัย พัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีต่อเนื่อง มีสินค้าที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน"
ปี 2563 ซิกนิฟายมียอดขายทั่วโลก 6,500 ล้านยูโร (7,900ล้านดอลลาร์) ลดลงจากปีก่อน 12.7% จากวิกฤติโควิดทั่วโลก ส่งผลให้จำหน่ายหลอดไฟแอลอีดี และโคมไฟได้ 2,900 ล้านชิ้น โดยมียอดขายหลอดไฟแอลอีดี 80% ของยอดขายทั้งหมด