คุมหลานโหดทำแผน ฆ่าลุงโบกปูน
คุมหลานโหดทำแผนฆ่าลุง โบกปูนทับนานนับเดือน แค้นเบี้ยวเงินค่าแรงรับเหมาก่อสร้าง
จากกรณี วานนี้ ( 7 มิถุนายน 2564 ) เวลาประมาณ 09.00 น. ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ผ่านศูนย์วิทยุสื่อสาร สภ.เมืองสระบุรี แจ้งว่ามีผู้พบ กองปูนซีเมนต์โบกปิดทับคล้ายรูปคน และมีกลิ่นเน่าเหม็น อยู่ในห้องนอนภายในบ้านไม่ทราบเลขที่ หมู่ 9 ต.หนองปลาไหล อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี ที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี, พ.ต.อ.เซษฐชัย เชษฐศิริ ผกก.สภ.เมืองสระบุรี,เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระบุรี ร่วมกับ เจ้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระบุรี และแพทย์เวรโรงพยาบาลสระบุรี ได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุตังกล่าว เมื่อไปถึงพบนายคงฤทธิ์ หวาดด้วงดี อายุ 29 ปี (ลูกเขยผู้ตาย) และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยร่วมกตัญญูสระบุรี ยืนรออยู่บริเวณบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าว จากนั้น เจ้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดสระบุรี ได้เก็บรวบรวมสภาพแวดล้อม ภายในห้องนอน และบริเวณโดยรอบที่เกิดดังกล่าว และได้ตรวจพิจสูจน์ กองปูนซีเมนต์โบกปิดทับคล้ายคน
พบศพผู้เสียชีวิต เพศขาย ลักษณะเน่าเปื่อย ทราบชื่อนามสกุลจริงภายหลัง คือ นายไพโรจน์ พรหมเมืองเก่า อายุ 55 ปี ถูกปูนซิเมนต์โบกปิดทับอยู่ในห้องนอน ภายในบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าวต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯ ได้ออกสืบสวนติดตามทันที และได้นำตัวพยานและผู้ต้องสงสัยมาชักถามปากคำ ต่อมาสืบสวนทราบว่า คนร้าย ที่ก่อเหตุในคดีนี้คือ นายอานุภาพ กัญญาคำ อายุ 29 ปี (เป็นหลานตาย) เป็นผู้ก่อเหตุ จึงได้ติดตามตัว นายอานุภาพฯ และพบพยานหลักฐาน ที่ใช้ในการก่อเหตุและทรัพย์ว่ามาจากการกระทำความผิด จึงได้ทำการจับกุมตัว แจ้งข้อกล่าวหา "ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยลอบฝัง ช่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และลักทรัพย์ของผู้อื่น" และแจ้งสิทธิตามกฎหมาย พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.ไม้ที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 ท่อน
2.ถุงปูนซีเมนต์ จำนวน 2 ถุง
3.โทรทัศน์ จำนวน 1 เครื่อง
4.พัดลมตั้งโต๊ะ จำนวน 1 ตัว
5.ตู้เย็นจำนวน 1 เครื่อง
6.สมุดบัญชีธนาคารจำนวน 3 เล่ม
7.สร้อยคอทองคำขนาด 1 บาท (อยู่ระหว่างติดตาม)
และ 8.รถยนต์ยี่ห้อ Nissan รุ่น Navara(อยู่ระหว่างติดตาม)
ทรัพย์สินรายการที่ 3 - 8 เป็นทรัพย์สินของผู้ตาย นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด วันนี้ ( 8มิ.ย.64) เมื่อเวลา10.30 น. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหา คือ นายอานุภาพ กัญญาคำ เป็นหลาน (ลุง)นายไพโรจน์ พรหมเมืองเก่า ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อประมาณ เดือน พฤศจิกายน 2563 นายอานุภาพฯ กับ นายไพโรจน์ฯ (ผู้ตาย)ได้ร่วมกันทำงาน รับเหมาก่อสร้าง แล้วเสร็จประมาณ เดือน มกราคม 2564 ต่อมาเมื่อประมาณ เดือน มีนาคม 2564 นายอานุภาพฯ ได้ทวงถามเงินค่าจ้างส่วนที่ตนเองจะได้รับ กับนายไพโรจน์ฯ เป็นเงินจำนวน 30,000 บาท 3 ครั้ง แต่นายไพโรจน์ฯ (ผู้ตาย) ก็บ่ายเบี่ยง ไม่ให้เงินส่วนนี้ ต่อมาเดือน เมษายน 2564 นายอานุภาพฯ ได้ทวงถามค่าจ้าง กับนายไพโรจน์ฯ อีก 4 ครั้ง แต่นายไพโรจน์ฯ (ผู้ตาย) ก็บ่ายเบี่ยง ไม่ให้เงินส่วนนี้กับนายอานุภาพฯ อีก
วันเกิดเหตุ นายอานุภาพ หรืออาร์มให้การยอมรับว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 06.30 น.นายอานุภาพ ได้เข้าไปพบ นายไพโรจน์ฯ (ผู้ตาย) ที่บ้านที่เกิดเหตุดังกล่าว จากนั้นได้หยิบท่อนไม้กฐินเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 ชม. ความยาวประมาณ 80 ชม. ซึ่งวางอยู่บริเวณหน้าบ้านของผู้ต้องหา ถือเข้าไปภายในบ้านของผู้ตาย จากนั้นตนเองได้เปิดประตูบ้านและประตูห้องนอนของ นายไพโรจน์ ได้เดินเข้าไปในห้องนอน พบนายไพโรจน์ ตื่นและลุกขึ้นนั่งบนที่นอนในลักษณะงัวเงียอยู่ ตนเองจึงได้ใช้ไม้ท่อน ที่ถือมา ตีเข้าไปบริเวณศีรษะ(ทัดดอกไม้) ของ (ผู้ตาย) จำนวน 1 ครั้ง เห็นว่า นายไพโรจน์ สลบล้มลงบนที่นอน จึงได้ตีซ้ำเข้าไปบริเวณลำคอ อีก 1 ครั้ง จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่า นายไพโรจน์ เสียชีวิตแล้ว ตนเองจึงได้ปิดล็อคห้องนอนที่เกิดเหตุหลบหนีออกมา
หลังเกิดเหตุ ต่อมาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 12.00 น. นายอานุภาพฯ ผู้ต้องหารับว่า ได้ไปซื้อปูนซีเมนต์ จากร้านวัสดุภัณฑ์ ใกล้เคียงที่เกิดเหตุบริเวณริมถนนบายพาสพระฉาย จำนวน 2 ถุง และนำมาผสมในกระบะพาสติกที่บ้านที่เกิดเหตุ ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน เพื่อปิดทับ อำพรางศพนายไพโรจน์ฯ (ผู้ตาย) ไว้ภายในห้องนอน จากนั้นได้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ จนกระทั่ง วันที่ 7 มิถุนายน 2564 นายอานุภาพ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุม ให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา มูลเหตุจูงใจ
1. ผู้ต้องหาประสงค์ต่อชีวิต เนื่องจากแค้นที่ผู้ตายเบี้ยวเงินค่าแรงรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้ทำร่วมกัน เป็นเหตุให้ ผู้ต้องหาต้องเป็นหนี้ โดยนำโฉนดที่ดินไปจำนอง เป็นเงิน 40,000 บาท เพื่อนำมาใช้จ่ายในงานแต่งงานของตน เมื่อวันที่ 18 เม.ย.64 และเมื่อติดตามทวงถาม ผู้ตายก็บ่ายเบี่ยงอยู่ตลอด
2. ความแค้นส่วนตัว เนื่องจากผู้ตายมักใช้คำพูดรุนแรงกับผู้ต้องหา