'ส.ส.พปชร.'ค้านเปลี่ยนตัวเลขาฯ ชี้ พรรคจะเข้มแข็ง อย่าเปลี่ยนม้ากลางศึกบ่อย
"พปชร." กำชับ ลูกพรรค ร่วมประชุมสภา ถก พ.ร.ก.กู้5แสนล้าน ย้ำ มาตรการโควิด หวั่น เกิดคลัสเตอร์สภา ส.ส. ข้องใจ ถามกลางวง ถึงนัดประชุมใหญ่ 20 มิ.ย.นี้ ที่ขอนแก่น ไม่มีใครแจ้ง "อนุชา-ไพบูลย์" มึน ไม่รู้เรื่องทั้งคู่ ส.ส. ค้าน เปลี่ยนตัวเลขาฯพรรค ระบุ ถ้าอยากให้พรรคเข้มแข็ง ไม่ควรเปลี่ยนม้ากลางศึก บ่อย
รายงานข่าวจากที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ แจ้งว่า บรรยากาศไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากยังอยู่ในช่วงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรคส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม มีเพียงนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม และนายไพบูลย์ นิติตะวันส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ร่วมการประชุม
โดยที่ประชุมได้ย้ำให้ ส.ส.เข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างพร้อมเพรียง ในวันที่ 9-10 มิ.ย.นี้เพื่อร่วมพิจารณาวาระพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน500,000 ล้านบาท หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ตลอดจนมีการทำความเข้าใจหลักการและเหตุผลของ พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว
โดยนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ได้ขอความร่วมมือ ส.ส.ให้ปฏิบัติตามระเบียบของรัฐสภาตามาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ในระหว่างเข้าปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อาคารรัฐสภา โดยเน้นย้ำว่า ต้องร่วมมือกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์รัฐสภาเด็ดขาด เพราะหากเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง เนื่องจาก ส.ส.เดินทางมาจากทั่วประเทศ และจะทำให้งานด้านนิติบัญญัติและอื่นๆ ที่ดำเนินการผ่านสภาฯต้องหยุดชะงัก ซึ่งจะส่งกระทบต่อภาพรวมของประเทศ
จากนั้นได้มี ส.ส.หลายรายสอบถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐจะจัดประชุมสามัญประจำปีที่ จ.ขอนแก่น ในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ แต่ยังไม่มีการแจ้งให้ ส.ส.และสมาชิกพรรคทราบ ซึ่งทั้งนายอนุชา และนายไพบูลย์ต่างระบุตรงกันว่าไม่ทราบเรื่องมาก่อนเช่นกัน และไม่มีการพูดคุยในวงกรรมการบริหารพรรคแต่อย่างใด
นอกจากนั้นยังมี ส.ส.บางส่วนสอบถามไปถึงกระแสข่าวเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค โดยส.ส.หลายคนแสดงความคิดเห็นตรงกันว่า หากต้องการให้พรรคพลังประชารัฐเข้มแข็งมั่นคงเป็นสถาบันการเมืองอย่างยั่งยืน ไม่ควรมีการเปลี่ยนม้ากลางศึกบ่อยครั้ง และไม่เห็นว่า นายอนุชา เลขาฯคนปัจจุบัน มีข้อบกพร่องผิดพลาดอย่างไร จึงต้องมีการเปลี่ยนตัว หากคนในพรรคหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เห็นว่านายอนุชาบกพร่องเรื่องใด ก็ควรมีการสอบถามและเปิดโอกาสชี้แจงภายในพรรคก่อน ไม่ใช่ว่ามีเพียงคนบางคนไม่พอใจนายอนุชา แล้วไปปล่อยข่าวภายนอก คล้ายกับขบวนการปั่นกระแสให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคเช่นที่ผ่านมา ที่สำคัญพรรคต้องดำเนินการใดๆโดยยึดเสียงข้างมาก ต้องไม่ให้มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมามีอำนาจครอบงำพรรค
“มีข่าวว่าบางกลุ่มต้องการยึดพรรค ทั้งที่ท่านประวิตรเองก็เคยประกาศว่า ในพรรคพลังประชารัฐต้องไม่มีมุ้งมีกลุ่มใดเด็ดขาด ดังนั้น หากใครตั้งมุ้งตั้งกลุ่ม ก็เท่ากับแหกคอก ไม่ทำตามบัญชาของหัวหน้าพรรค หรือหากใครมองว่าเลขาฯพรรคบกพร่อง ต้องเปลี่ยนตัว ก็ย่อมกระทบถึงตัวหัวหน้าพรรค ด้วยเพราะเลขาฯพรรคเป็นเพียงแม่บ้าน รับข้อมูลจาก ส.ส.และสมาชิกพรรค เพื่อส่งไปยังผู้บริหารพรรค ไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการสั่งการใดๆ ข่าวที่เกิดขึ้นคาดว่าเป็นเพียงขบวนการปล่อยข่าวของคนบางคนที่ต้องการแสวงหาอำนาจเท่านั้น” แหล่งข่าวในพรรคพปชร. กล่าว