กยท. เปิดโครงการชะลอการขายยางฯ ระยะ 2 เริ่มเดือน มิ.ย.-ก.ย.64 ทั่วประเทศ

กยท. เปิดโครงการชะลอการขายยางฯ ระยะ 2 เริ่มเดือน มิ.ย.-ก.ย.64 ทั่วประเทศ

กยท. เปิดโครงการชะลอการขายยางฯ ระยะ 2 เริ่มเดือน มิ.ย.-ก.ย.64 ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ให้สินเชื่อ 80% ของมูลค่ายาง แถมค่าบริหารอีก กก.ละ 0.50 บาท ชี้สร้างประโยชน์ให้เพียบ

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.64 นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) เปิดเผยว่า จากที่ กยท. ได้ดำเนินโครงการชะลอการขายยางของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเขตภาคเหนือ ได้ส่งผลให้ราคายางก้อนถ้วยมีเสถียรภาพ เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยพบว่ามีผลต่างของราคาที่จำหน่ายสูงสุดที่ 4.50 บาทต่อกิโลกรัม จากผลที่เกิดขึ้นได้ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางในภาคอื่นๆ มีความต้องการให้ กยท.ขยายผลโครงการออกไปยังภาคต่าง ๆ ดังนั้น คณะกรรมการ กยท. จึงได้เห็นชอบให้ขยายโครงการในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้ "โครงการชะลอการขายยางของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง" ซึ่ง กยท. กำหนดระยะดำเนินการของโครงการนี้เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน จนถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2564

“โครงการชะลอการขายยางฯ ระยะ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อชะลอปริมาณผลผลิตยางพาราออกสู่ตลาด รวมถึงเพื่อให้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง มีสภาพคล่องทางการเงินในระหว่างรอขายผลผลิต อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคายางให้มีเสถียรภาพมากขึ้น และที่สำคัญอีกประการ เป็นการยกระดับราคาซื้อขายยางในตลาด และเกิดการแข่งขันที่เป็นไปตามกลไกตลาด โดยเป้าหมายให้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทยรับหน้าที่บริหารจัดการยางของสมาชิก มีสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการรวม 79 สถาบัน จำนวนสมาชิก 45,800 ราย ซึ่งชนิดยางที่เข้าร่วม ได้แก่ ยางก้อนถ้วย และน้ำยางสด เป้าหมายของ ระยะนี้ที่ 20,300 ตัน โดยจะใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนา 49(3) เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเสริมสภาพคล่องให้กับสถาบันเกษตรกร รวมทั้งสิ้น 276.066 ล้านบาท”

162324804079

ผู้ว่าการ กยท. กล่าวต่อไปว่า สำหรับขั้นตอนดำเนินการนั้น สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการฯจะได้รับสินเชื่อวงเงิน 80% ของมูลค่ายาง และได้รับค่าบริหารโครงการ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่การกำหนดราคากลางสำหรับประเมินสินเชื่อ กยท.จะใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 15 วัน ของราคากลางเปิดตลาดของยางชนิดนั้น ๆ ในส่วนของยางที่เข้าร่วมโครงการฯ ผู้ว่าการ กยท. ชี้แจงว่า ต้องขายผ่านตลาดกลางยางพารา หรือตลาดเครือข่ายตลาดกลางยางพาราจังหวัด ของ กยท. เท่านั้น

“ ส่วนการส่งใช้เงินคืน สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ต้องส่งใช้เงินคืนในวงเงินที่ได้รับอนุมัติเต็มจำนวน โดยไม่เสียดอกเบี้ยใน 3 เดือนแรก มีกำหนดสิ้นสุดภายในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2564 แต่หากสถาบันเกษตรกรไม่ขายยางเป็นเวลาติดต่อกันตามที่กำหนด จะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยตามระเบียบ สูงสุดไม่เกินร้อยละ 2 ต่อปี ของมูลค่ายางที่ขอสินเชื่อโดยไม่ขาย”

นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพยาง และการจัดเก็บ ทาง กยท.
จึงกำหนดมาตรการจัดเก็บแยกตามชนิดยางคือ ยางก้อนถ้วย ค่า DRC 75% ระยะเวลาเก็บไม่น้อยกว่า 1 เดือน โดยจะจัดเก็บไว้ที่สถาบันเกษตรกรให้อยู่ในสภาพดีในสถานที่ที่เหมาะกับการจัดเก็บยาง เช่น ทำนั่งร้านในสวน หรือโกดังจัดเก็บ ส่วนของน้ำยางสด DRC 100% ซึ่งต้องเก็บได้ไม่น้อยกว่า 10 วัน โดยไม่เสียคุณภาพในแท็งค์ที่ได้มาตรฐานที่ กยท. กำหนด

กยท.เชื่อมั่นว่า โครงการชะลอการขายยางของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง ระยะ 2 สร้างประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่า ด้านการยกระดับความสามารถในการบริหารจัดการผลผลิตของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงการยกระดับราคายางก้อนถ้วยแห้ง เพิ่มมูลค่า สร้างความมั่นคงเรื่องรายได้ ในขณะที่ผู้ประกอบการจะได้ยางที่มีคุณภาพที่ดี และที่สำคัญคือ ช่วยลดปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการเคลื่อนย้ายยางก้อนถ้วยดั่งที่ปรากฏมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับสถานบันเกษตรกรหรือเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การยางแห่งประเทศไทยจังหวัดในพื้นที่ทุกแห่ง” นายณกรณ์ กล่าวในที่สุด