ผู้ค้าน้ำมัน ขานรับเปิดเมืองใน 120 วัน งัดแคมเปญ-ลุยลงทุนปั๊มยอดขายสิ้นปี

การส่งสัญญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2564เรื่องตั้งเป้าให้ประเทศไทยควรต้องพร้อมภายใน 120 วัน หรือประมาณเดือน ต.ค.นี้ ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้โดยไม่มีเงื่อนไขที่สร้างความยุ่งยากจนเกินไป หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกให้คนไทยอย่างน้อย 50 ล้านคนแล้วนั้น

ภาคธุรกิจการค้าน้ำมันในประเทศต่างขานรับต่อเป้าหมายดังกล่าว และคาดหวังว่าเมื่อมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มแรกให้กับประชาชนได้ตามเป้าหมายของภาครัฐ คือ ครอบคลุมประชากรไทยราว 70% ภายในปีนี้ จะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น

ชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SUSCO คาดหวังว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 จะเริ่มดีขึ้นในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ และนำไปสู่เป้าหมายการเปิดประเทศใน 120 วัน ตามที่นายกรัฐมนตรีประมาณไว้ ซึ่งบริษัท อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์และเตรียมออกแคมเปญกระตุ้นยอดขายน้ำมันในช่วงสิ้นปีนี้

บริษัท เชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะสามารถเปิดประเทศได้ใน 120 วัน แต่ภาครัฐควรจะมีมาตรการออกมารับมืออย่างเข้มงวด ระดับ 90-100% เพราะหลายประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรไปได้มากแล้ว แต่ก็ยังกลับมาเผชิญกับระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและเมืองเป้าหมายที่จะรองรับการท่องเที่ยว จะต้องมีมาตรการให้ อย่าให้เกิดการระบาดในระลอกที่ 4 เพราะภาคธุรกิจจะแบกรับสถานการณ์ไม่ไหว และหลายธุรกิจได้ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ บริษัทมีแผนจะใช้งบลงทุน อยู่ที่ 550 ล้านบาท สำหรับขยายสถานีบริการ(ปั๊ม)น้ำมัน เพิ่มขึ้น 20 แห่ง จากปัจจุบันอยู่ที่ 240 แห่ง จะครบ 260 แห่งในสิ้นปี 2564 เน้นในเขตพื้นที่กรุเทพฯและปริมณฑลเป็นหลัก และหัวเมืองใหญ่ๆ ตามแหล่งชุมชน พร้อมปรับปรุงปั๊มเดิมให้ให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้นอีก 50 แห่ง จากปี2563 ดำเนินการไปแล้ว 30 แห่ง เพื่อผลักดันยอดขายในช่วงสิ้นปีนี้ หลังจากช่วงไตรมาสที่ 2 ยอดขายน้ำมันน่าจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ยอดขายลดลงประมาณ 20% จากไตรมาส 1

รังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG มองว่า การเปิดประเทศภายใน 120 วัน จะทำให้การเดินทางในประเทศเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะใช้รถส่วนตัวในการเดินทางจำนวนมากเพื่อความสะดวกและปลอดภัย ดังนั้น จะส่งผลดีต่อปริมาณการเติมน้ำมันครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก

โดยทั้งปีนี้ บริษัทยังคงเป้าปริมาณขายน้ำมันเติบโต  8-10% ขณะที่ค่าการตลาด คาดว่า จะอยู่ที่ ระดับที่ดีประมาณ 1.8-1.9 บาทต่อลิตร ขณะเดียวกันบริษัท จะมุ่งเน้นการพัฒนาแอปพลิเคชันและระบบ Wallet เพื่อให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อระบบการเติมน้ำมันให้มีความสะดวกและเพิ่มแรงจูงใจในการสะสมแต้มเพื่อเป็นการส่งเสริมการขายให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัท ยังเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการขยายสถานีบริการน้ำมัน PT อีก 80-120 แห่ง จากปัจจุบันที่ 2,200 แห่ง และขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทย อีกราว 100 แห่ง รวมถึงการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ EV ที่ได้มีความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่า สิ้นปีนี้จะดำเนินการได้ครบ 30 แห่ง จากปัจจุบันที่ 5 แห่ง

พิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR คาดหวังว่า หากภาครัฐสามารถเดินหน้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะเป็นโอกาสต่อการเพิ่มปริมาณการเติมน้ำมันของประชาชนในช่วงครึ่งปีหลังดีขึ้น ส่วนแผนการขยายสถานีบริการน้ำมัน และร้าน Cafe Amazon ขณะนี้ยังเดินหน้าในการขยายสาขาต่อเนื่อง

โดยปีนี้มีเป้าหมายขยายสถานีบริการน้ำมันอยู่ที่ 110 สถานี จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,000 สาขาและมีเป้าหมายขยายร้าน Cafe Amazon ที่ 420 สถานี จากปัจจุบันมีอยู่ 3,300 สาขา ร้าน Texas Chicken ขยายอีก 20 สาขาจากปัจจุบันมี 78 สาขา อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันในช่วงครึ่งปีแรกลดลงไปบ้าง เนื่องจากประชาชนไม่สามารถเดินทางได้ หรือมีข้อจำกัดในการเดินทางมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ OR คาดหมายว่า ยอดขายน้ำมันปีนี้ จะเติบโตขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัว 3% ตามการประเมินของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง หลังหลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีน ซึ่งน่าจะส่งผลให้การเดินทางโดยรถยนต์เพิ่มขึ้น ดังนั้น คาดว่า ยอดขายน้ำมันปีนี้จะกลับมาเติบโตใกล้เคียงกับปี 62 ที่มียอดขายน้ำมันรวมราว 27,627 ล้านลิตร

ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ BCP คาดว่า ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น ทั้งธุรกิจโรงกลั่น ที่คาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง และมีโอกาสบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมัน(stock gain) จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วงต้นปี รวมถึงบริษัทคาดหมายว่าความต้องการน้ำมันจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่น่าจะคลี่คลายลง หากรัฐบาลฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมประชาชนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การเดินทางกลับมามากขึ้น แต่ปัจจุบันความต้องการใช้น้ำมันก็ยังมี อย่างเช่นการส่งของออนไลน์ ก็ช่วยสนับสนุนการใช้น้ำมันด้วย

ก่อนหน้านี้ บางจากฯ ระบุว่า มีแผนจะทยอยการลงทุนในช่วงปลายปีนี้ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เร่งรัดการลงทุนเพื่อร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

ทั้งนี้ ในปี 2564 บางจากฯ ตั้งงบลงทุนกลุ่มธุรกิจการตลาด อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท สำหรับขยายสถานีบริการน้ำมัน(ปั๊ม)ใหม่ จำนวน 100 แห่ง จากสิ้นปี 2563 มีมีจำนวนปั๊ม อยู่ที่ 1,240 แห่ง รวมถึงขยายการเติบโตในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (นอนออยล์)