ปอนด์อ่อนค่าหลังแบงก์ชาติอังกฤษตรึงดอกเบี้ย-คงวงเงินคิวอี
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการประชุมเมื่อวานนี้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.02% แตะที่ 91.8147 เมื่อคืนนี้
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3927 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3963 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1931 ดอลลาร์ จากระดับ1.1928 ดอลลาร์ จากระดับ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ะรดับ 0.7582 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7573 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.85 เยน จากระดับ 110.96 เยน และทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9183 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2322 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2303 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากบีโออี มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้บีโออี ประกาศคงวงเงินคิวอีที่ระดับ 8.95 แสนล้านปอนด์ (1.2 ล้านล้านดอลลาร์) เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ บีโออีได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% นับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ขณะที่ได้เพิ่มวงเงินคิวอีจากระดับ 7.45 แสนล้านปอนด์ สู่ระดับ 8.95 แสนล้านปอนด์นับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563
อย่างไรก็ดี ในแถลงการณ์วันนี้ บีโออี แสดงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดีดตัวแตะระดับ 2.1% ในเดือนพ.ค. สูงกว่าเป้าหมาย 2% ของบีโออี เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี
ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2564 ขยายตัว 6.4% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 โดยตัวเลขจีดีพี ที่มีการเปิดเผยล่าสุดนี้ มีการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังระบุด้วยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2563 หลังจากลดลง 0.8% ในเดือนเม.ย.
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 411,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 418,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 380,000 ราย