‘หุ้นรับเหมา’ อ่วม! เซ่นรัฐปิดแคมป์-หยุดก่อสร้าง
"หุ้นก่อสร้าง" ราคาร่วงนำตลาด เซ่นพิษรัฐบาลประกาศคุมเข้มพื้นที่เสี่ยง "เอเซีย พลัส" จ่อปรับลดคาดการณ์กำไรกลุ่มปี 64 “หยวนต้า” นับถอยหลัง 1 เดือน หากสถานการณ์บานปลายคาดกระทบกำไรบจ. “เนาวรัตน์พัฒนาการ" คาดรายได้หายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทต่อเดือน
ความเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) วานนี้ (28 มิ.ย.) ปรับตัวลงมากที่สุด เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่น โดยเป็นผลจากมาตรการคุมเข้มพื้นที่เสี่ยงของภาครัฐที่ประกาศปิดสถานที่ก่อสร้าง และปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ฯลฯ
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า มาตรการสั่งปิดสถานที่ของรัฐบาลถือเป็นมาตรการคุมเข้มก็เหมือนกับการล็อกดาวน์ รวมถึงการที่รัฐบาลมีการสั่งปิดแคมป์คนงานและปิดสถานที่ก่อสร้างสำหรับการคุมเข้มพื้นที่ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 30 วัน คาดว่าจะทำให้จีดีพีลดลงเหลือโต 1.52% จากเดิมคาดทั้งปีนี้จีดีพีโต 1.8% เพราะเศรษฐกิจใน 10 จังหวัดที่มีการคุมเข้มนั้นมีสัดส่วนเกือบ 50% ของจีดีพี
โดยกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากมาตรการคุมเข้มล่าสุด ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ทั้งด้านรายได้และอัตรากำไรจากการที่ต้องหยุดดำเนินธุรกิจเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน โดยมีความเสี่ยงสูงที่ฝ่ายวิจัยจะปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ของบริษัทรับเหมาก่อสร้างลง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนและเต็มไปด้วยปัจจัยลบ
ถัดมากลุ่มผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง กลุ่มเหล็ก กลุ่มรับเหมาวัสดุก่อสร้างและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จากผลกระทบคำสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง อย่างไรก็ดีคาดว่าจะเป็นผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน (เซนทิเมนท์) ระยะสั้น แต่ไม่มีผลต่อการปรับประมาณการ ส่วนกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดเงื่อนไขเวลาการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มได้แก่ กลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงภาพยนตร์ กลุ่มโรงแรม กลุ่มศูนย์ประชุมแสดงสินค้า และกลุ่มค้าปลีก แต่คาดว่าจะกระทบกำไรของบริษัทราว 1-3% เท่านั้น
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การประกาศคุมเข้ม 10 จังหวัดเป็นเวลา 1 เดือน ส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มร้านอาหาร และกลุ่มค้าปลีก โดยคาดว่ากำไรงวดไตรมาส 3 ปี 2564 จะปรับตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีความเสี่ยงที่นักวิเคราะห์จะปรับลดประมาณการกำไรทั้งปีนี้ลง อย่างไรก็ดี บจ.ที่ได้รับผลกระทบทั้ง 4 กลุ่มคิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ประมาณ 10% เท่านั้น ส่งผลให้ความเสี่ยงที่กำไรบจ.ทั้งตลาดปีนี้จะถูกปรับลดลงยังค่อนข้างน้อย แต่ยังต้องเฝ้าระวังในกรณีที่สถานการณ์ยืดเยื้อเกิน 1 เดือน
นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR กล่าวว่า จากมาตรการคุมเข้มคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทประมาณ 1 เดือนครึ่ง หรือหายไปไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทต่อเดือน เพราะงานในมือของบริษัทที่มี 3.61 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ประมาณ 60% เป็นการก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
แม้บริษัทจะมีรายได้จากงานก่อสร้างในต่างจังหวัดมาช่วยพยุงได้บ้าง แต่ยังมีรายจ่ายต่อเนื่องจากค่าแรงคนงานก่อสร้างราว 2,000-3,000 คน ดังนั้น มาตรการดังกล่าวจึงทำให้สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทตึงตัว จึงอยากให้รัฐบาลผ่อนปรนให้สามารถยังคงก่อสร้างได้บ้าง แต่มีมาตรการดูแลการป้องกันแพร่ระบาดของโควิด-19 ออกมาเป็นแนวปฏิบัติตามที่ภาครัฐกำหนด