EA จ่อส่งมอบรถร่วมสาธารณะไฟฟ้าก.ค.นี้
'อีเอ' รุกรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ มองอนาคตมีโอกาสเป็นสตาร์ดวงใหม่ของเมืองไทย 'สมโภชน์ อาหุนัย' ลั่นสถานีชาร์จเร็วใช้เวลา 15 นาที วิ่งได้ 250 กิโล 'สมโภชน์ อาหุนัย' คาดเดือนหน้าส่งมอบรถบัสร่วมบริการสาธารณะได้ หลังเซ็นต์สัญญาลูกค้า 100 คัน
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวในงานสัมมนา 'ยานยนต์ไฟฟ้า' จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดโอกาสใหม่ทางธุรกิจ จัดโดย 'ฐานเศรษฐกิจ' ว่า บริษัทจะมุ่งเน้นแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (รถเมล์ , บัส ,เรือ) ซึ่งเป็นยานยนต์ที่ใช้งานหนัก การชาร์จไฟจึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ปัจจุบันตลาดยังไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้
ดังนั้น บริษัทจึงมีการพัฒนาระบบการชาร์จใช้สามารถชาร์จได้เร็วขึ้นและการใช้งานของแบตเตอรี่ได้นานขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 80% ใช้เวลา 15 นาที และวิ่งได้ 250 กิโล ซึ่งตอนนี้มีการเซ็นต์สัญญาลูกค้า100 คัน คาดว่าจะส่งมอบรถไฟฟ้าได้เดือนหน้า รวมทั้งเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่จึงเป็นส่วนสำคัญ เพราะยิ่งชาร์จเร็วแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพเร็ว แต่บริษัทเข้าไปพัฒนาตั้งแต่ศูนย์ถึงร้อย ซึ่งบริษัทจึงมุ่งเน้นพัฒนาใช้ชาร์จไฟฟ้าเร็วและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้นาน
โดยโรงงานแบตเตอรี่ก็อยู่ในช่วงทดสอบการทำงานของเครื่องจักรทั้งระบบคาดจะเริ่มผลิตสำหรับระยะที่ ได้ในไตรมาส 3 ปี 2564 ระยะแรกจะจำหน่ายแบตเตอรี่ให้กับกลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าภายในกลุ่ม ได้แก่ รถบัสไฟฟ้า และเรือไฟฟ้า
สำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งเป้าหมายขยายให้ได้ 1,000 สถานี จากปัจจุบันมี 417 สถานี มีหัวชาร์จ 1,633 หัว แบ่งเป็นระบบธรรมดา หรือ AC Charger จำนวน 1,062 หัว และระบบชาร์จเร็วและทันสมัยที่สุด หรือ DC Super-Fast Charge จำนวน 571 หัว
ทั้งนี้ การที่บริษัทมุ่งเน้นเข้ามาในตลาดรถไฟฟ้าสาธารณะ มองว่าในประเทศไทยยังไม่มียักษ์ใหญ่เข้ามาลงทุนพื้นที่ดังกล่าว หากบริษัทสามารถเข้าไปอยู่ในพื้นที่ยานยนต์ไฟฟ้าสาธารณะดังกล่าวได้ ผมคิดว่าการแข่งขันจุดนี้น้อยกว่าส่วนอื่นๆ ก็จะทำให้บริษัทไทยอย่าง EA มีที่ยืน โรงงานที่เราทำขึ้นมามีโอกาสหายใจและเก็บพลังและเมื่อมีพลังมากยิ่งขึ้นก็สามารถที่จะไปทำอะไรที่ใหญ่มากขึ้นอีกเพื่อต่อกรบนเวทีโลกได้ ในขณะที่รถยี่ห้ออื่นๆ มุ่งไปที่ตลาดรถใช้เอง เนื่องจากมีปัญหาด้านการชาร์จ แต่ว่าตอนนี้ประเทศไทยมีความพร้อมในด้านโครงสร้างแล้ว
'เรามองว่ารถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะเป็นส่วนที่ยังไม่มีผู้ประกอบการลงทุน ดังนั้น คาดอนาคตมีโอกาสจะเป็นสตาร์ดวงใหม่ของเมืองไทย เนื่องจากปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานครบแล้ว ซึ่งเราจะสามารถแข่งขันได้ และมีต้นทุนถูกลง'
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาอีเอเริ่มต้นบุกเบิกธุรกิจน้ำมันไบโอดีเซล โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม และเริ่มเห็นเทรนด์ธุรกิจที่จะทำให้อุตสาหกรรมไฟฟ้าเติบโตในอนาคต คือ การพัฒนานวัตกรรมโดยใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน แต่บริษัทไม่ได้ต้องการหยุดแค่อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ เนื่องจากต้องการมีโปรดักท์ที่จะทำให้ธุรกิจมี 'จุดแข็ง' ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งหาธุรกิจอื่นๆ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า , สถานีชาร์จไฟฟ้า