ปิดโรงงานสับปะรดหัวหิน เป็นเวลา 7 วัน สกัด 'โควิด-19' หลังพบพนักงานติดเชื้อเพิ่ม
"โดล ไทยแลนด์" สั่งปิดโรงงานสับปะรด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 เป็นต้นไป หลังพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม รวมทั้งตรวจหาเชื้อในกลุ่มพนักงานที่มีความเสี่ยงต่ำและไม่มีความเสี่ยงทุกคน รวม 3 ครั้ง
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 64 นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในโรงงานสับปะรดกระป๋อง บริษัท โดล ไทยแลนด์ จำกัด อ.หัวหิน ยังคงพบผู้ป่วยติดเชื้อในกลุ่มแรงงาน แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่เนื่องจากเป็นโรงงานขนาดใหญ่มีพนักงานจำนวนมาก อาจทำให้การแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนเพิ่มขึ้น จึงให้ใช้ที่พักแอดเดอร่าหัวหิน เป็นสถานที่แยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกตอาการ
ทั้งนี้ ศบค.รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประจำวันที่ 1 ก.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 34 คน มาจากโรงงานสับปะรด อ.หัวหิน ยอดสะสมในคลัสเตอร์นี้ 780 คน ซึ่งพบการระบาดตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. 64
ขณะที่บริษัท โดลไทยแลนด์ จำกัด ออกคำชี้แจงเรื่อง "การยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของพนักงานที่ติดเชื้อ COVID-19 ที่โรงงานหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์"
หนังสือระบุว่า ตามที่มีการระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่โรงงานโดล บริษัท โดลไทยแลนด์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ ให้ดำเนินการแยกและกักตัวพนักงานที่มีความเสี่ยงสูง และความเสี่ยงต่ำออกจากกัน
และได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด เพื่อให้พนักงานได้รับการตรวจหาเชื้ออย่างทั่วถึงทุกคน พร้อมกับทำความสะอาดฆ่าเชื้อทั้งที่โรงงาน หอพักพนักงาน และชุมชนโดยรอบเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสไปแล้วนั้น
ขณะนี้บริษัทฯ พบว่าพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงทั้งที่อยู่ระหว่างการกักตัว และบางส่วนที่พ้นกำหนดกักตัวแล้ว มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและลดโอกาสการแพร่ระบาดไปสู่พนักงานคนอื่น และชุมชนโดยรอบที่มีโอกาสติตต่อกับพนักงานของโดล
ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพอนามัยและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและชุมชน บริษัทฯ จึงตัดสินใจยกระดับมาตรฐานการป้องกันในเชิงรุกเพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ระงับการเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าทุกประเภทในโรงงานเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 7 วัน เพื่อลดโอกาสของการแพร่เชื้อระหว่างพนักงานในไลน์การผลิต
2. ปรับวิธีการทำงานของพนักงานประจำสำนักงานออฟฟิศและส่วนงานสนับสนุนให้ทำงานจากที่พัก (Work from home) จนกว่าจะมีนโยบายเปลี่ยนแปลง
3. กำหนดให้มีการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ในกลุ่มพนักงานที่มีความเสี่ยงต่ำและไม่มีความเสี่ยงทุกคน ตามมาตรการเชิงรุกด้วยการตรวจซ้ำทุกๆ 7 วัน ทั้งหมด 3 ครั้ง
ทั้งนี้ การยกระดับมาตรการป้องกันในเชิงรุกดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2564 เป็นต้นไป โดยเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาตามที่กำหนด บริษัทฯ จะพิจารณาแนวทางการปฏิบัติงานที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนั้นต่อไป
โดยการยกระดับมาตรการครั้งนี้ สอดคล้องกับแนวทางการปฏิบัติตามที่หน่วยงานระดับจังหวัดและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำหนด
