เปิดกฎเชียร์บอล'ยูโร 2020' ปลอดโควิด
รมว.มหาดไทยเยอรมนีสวดยับยูฟา “ขาดความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง” ที่ปล่อยให้ประชาชนจำนวนมากเข้าชมฟุตบอลยูโร 2020 ในช่วงที่โควิดสายพันธุ์เดลตากำลังแพร่ระบาด แท้จริงแล้วยูฟ่ากำหนดกฎคุมโควิด-19 สำหรับผู้ชมเอาไว้เช่นกัน
นายฮอร์สต ซีโฮเฟอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเยอรมนี แถลงว่า ดูเหมือนสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) จะพิจารณาเหตุผลในทางธุรกิจเป็นหลัก ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรสำคัญกว่าสุขภาพประชาชน การอนุญาตให้การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศและชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ มีผู้ชมได้มากถึง 60,000 คน ย่อมทำให้โควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตากระจายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ นัดที่อังกฤษเตะกับสกอตแลนด์เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ชาวสกอตเข้ามาลอนดอนหลายพันคน ในจำนวนนี้เกือบ 2,000 คนที่เข้าชมการแข่งขันเสี่ยงติดโควิดสูง
ส่วนชาวฟินแลนด์ที่เชียร์ทีมตนเองแข่งยูโร 2020 ก็ติดโควิดอย่างน้อย 300 คน ขณะนี้อัตราการติดเชื้อรายวันในฟินแลนด์เพิ่มจากราววันละ 50 คน เป็นวันละกว่า 200 คนในสัปดาห์ที่ผ่านมา และตัวเลขน่าจะเพิ่มขึ้นเร็วๆ นี้
สัปดาห์ก่อน ทางการรัสเซียกล่าวโทษว่าสายพันธุ์เดลตาทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งขึ้นอีกครั้งในเมืองใหญ่ของประเทศ รวมทั้งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่มีกำหนดเป็นเจ้าภาพรอบ 8 ทีมสุดท้ายในวันนี้ (2 ก.ค.)
สำหรับนัดอังกฤษ-สกอตแลนด์นั้น ยูฟ่าประกาศผ่านเว็บไซต์ว่าผู้ชมควรปิดปากและจมูกตลอดเวลาที่อยู่ในสนามเวมบลีย์ ยกเว้นมีเหตุผลทางการแพทย์ จะถอดออกได้ก็ต่อเมื่อรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำเท่านั้น
ข้อห้ามอื่นๆ ในสนามเช่น ต้องนั่งห่างกัน 1 เมตร มาถึงภายใน 30 นาที หลีกเลี่ยงการกอด แตะมือไฮไฟว์ หรือสัมผัสใกล้ชิดกับคนอื่นๆ
ส่วนระเบียบการชมโดยรวมของยูฟ่า ได้แก่ บังคับสวมหน้ากากทั้งในและรอบสนาม เว้นระยะห่าง 1.5 เมตร นั่งตามหมายเลขที่นั่งที่กำหนดไว้บนบัตรเข้าชม ล้างมือและทำความสะอาดมือด้วยเจลที่จัดไว้ในสนาม หลีกเลี่ยงการจับมือ ไฮไฟว์ กอด และสัมผัสใกล้ชิด ช่วงพักครึ่งควรนั่งอยู่กับที่ ออกจากที่นั่งให้น้อยที่สุด คนที่ไม่สบายหรือมีอาการโควิดไม่ควรมาสนาม ทั้งนี้ สนามแข่งทั้ง 11 แห่งอาจมีข้อกำหนดปลีกย่อยแตกต่างกันออกไป
ไม่เพียงเท่านั้นการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดันก็เล่นเอาผู้ชมทีวีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่เห็นภาพการแข่งขันวันแรก (จันทร์ 28 มิ.ย.) ผู้ชมนั่งกันเต็มสนามโดยไม่สวมหน้ากาก ที่ชวนย้อนแย้งมากคือเมื่อผู้ชมพากันปรบมือให้กับเดมซาราห์ กิลเบิร์ต นักวิทยาศาสตร์ผู้อยู่เบื้้องหลังวัคซีนโควิดของออกซ์ฟอร์ด ทั้งๆ ที่ผู้ชมการแข่งขันนั่งติดกันโดยไม่สวมหน้ากาก
เว็บไซต์ทางการของวิมเบิลดันกำหนดให้ผู้เข้าชมต้องฉีดวัคซีนครบแล้ว หรือผลตรวจแบบแถบสีภายใน 48 ชั่วโมงเป็นลบ หรือมีภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติ (ตรวจพีซีอาร์ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้ผลเป็นบวก และกักตัวเองแล้วไม่เกิน 180 วันหลังการตรวจ) แสดงผลผ่านแอพพลิเคชันใบรับรองปลอดโควิดของกระทรวงสาธารณสุข หรือสวมหน้ากากยกเว้นมีเหตุจำเป็นทางการแพทย์
เหตุการณ์ที่วิมเบิลดันและเวมบลีย์ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสหราชอาณาจักรผ่อนคลายระเบียบคุมโควิดลงบ้างแล้ว เหลือแค่บังคับสวมหน้ากากในอาคารและจำกัดจำนวนคนที่พบปะกันในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
ล่าสุดนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน กล่าวเมื่อวันที่ 1 ก.ค. หวังว่าอังกฤษจะกลับมาใกล้เคียงกับก่อนโควิดระบาดได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้