เปิดแผนปราบบ.เทคโนฯจีนระลอกใหม่

เปิดแผนปราบบ.เทคโนฯจีนระลอกใหม่

เปิดแผนปราบบ.เทคโนฯจีนระลอกใหม่ ซึ่งการสอบสวนครั้งนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในตลาดฮ่องกงปรับตัวลดลงในช่วงเช้าของวานนี้ (5 ก.ค.)รวมถึงหุ้นของเทนเซ็นต์ที่ร่วงลงกว่า 4%

บริษัทเทคโนโลยีจีน ยังคงตกเป็นเป้าการกวาดล้างของทางการปักกิ่ง เพื่อกำจัดพฤติกรรมผูกขาดตลาด และเพื่อไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนมีอิทธิพลชี้นำผู้บริโภคชาวจีนมากเกินไป โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังปรับตัวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

ล่าสุด วานนี้ (5ก.ค.) สำนักบริหารไซเบอร์สเปซแห่งชาติของจีน (ซีเอซี) เริ่มสอบสวนบริษัทเทคโนโลยีจีน 3 แห่งได้แก่บอสส์ จี้ปิน( Boss Zhipin),ยุนมานมาน( Yunmanman) และหัวจี้ปัง(Huochebang) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลระดับประเทศ

บอสส์ จี้ปิน เป็นแพลตฟอร์มสรรหาบุคลากรทางออนไลน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเทนเซ็นต์ โดยบอสส์ จี้ปินนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่ยุนมานมานและหัวจี้ปัง เป็นบริษัทในเครือฟูล ทรัค อัลลิอันซ์( Full Truck Alliance) ซึ่งทั้งสองบริษัทนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐเช่นกัน และระหว่างที่ถูกตรวจสอบนี้ บริษัทเหล่านี้จะเปิดรับผู้ใช้งานเพิ่มไม่ได้

การสอบสวนครั้งนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในตลาดฮ่องกงปรับตัวลดลงในช่วงเช้าของวานนี้ (5 ก.ค.)รวมถึงหุ้นของเทนเซ็นต์ที่ร่วงลงกว่า 4%

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่จีนเพิ่งมีคำสั่งให้ถอดแอพพลิเคชันของบริษัทตีตีชูสิง (DiDi Chuxing) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถรับส่งสัญชาติจีน ออกจากแพลตฟอร์มแอพสโตร์ของจีน โดยอ้างว่า ตีตีชูสิงทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายของจีน

“เราพบว่าแอพฯตีตีรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายอย่างรุนแรง” ประกาศของหน่วยงานดังกล่าวระบุ พร้อมเรียกร้องให้ตีตีแก้ไขปัญหาของแอพพลิเคชั่น เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศและความปลอดภัยของลูกค้า

ตีตี ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้งานแบบแอคทีฟในจีนถึง 377 ล้านราย ระบุว่า บริษัทจะดำเนินการตามความต้องการของรัฐบาล ในการดึงแอพฯ ออกจากแอพสโตร์ เพื่อแก้ไขให้เป็นไปตามคำสั่งของหน่วยงานกำกับดูแล

“เราขอขอบคุณหน่วยงานดังกล่าวอย่างจริงใจ สำหรับคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงของตีตี เราจะแก้ไขปรับปรุงเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว และให้บริการที่ปลอดภัยและสะดวกสบายต่อผู้ใช้ของเรา” แถลงการณ์ของบริษัทตีตี ระบุ

อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการดาวน์โหลดแอพพลิเคชันรายอื่นๆในจีน และผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ เช่น หัวเว่ย เทคโนโลยี และเสียวหมี่ ต่างก็ถูกสั่งห้ามดาวน์โหลดแอพพลิเคชันตีตีชูสิง ซึ่งคำสั่งนี้มีขึ้นเพียง 4 วันหลังจากตีตีชูสิง เริ่มเปิดทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งทำให้ตีตีชูสิงสามารถระดมเงินทุนได้ถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์จากการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ)

การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า จีนยังคงเดินหน้าควบคุมบริษัทเทคโนโลยี หลังจากในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐ (เอสเอเอ็มอาร์) ของจีนสั่งปรับบริษัทอาลีบาบาเป็นเงิน 1.8 หมื่นล้านหยวน (2.75 พันล้านดอลลาร์) หรือราว 4% ของรายได้ของบริษัทในปี 2562 โดยให้เหตุผลว่า อาลีบาบาละเมิดกฎระเบียบในการต่อต้านการผูกขาดตลาด และใช้สถานะของผู้ครองตลาดไปในทางมิชอบ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเตือนในช่วงก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลจีนจะติดตามความเคลื่อนไหวของบรรดาบริษัทแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตที่มีข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมากและมีอิทธิพลต่อตลาด โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทอินเทอร์เน็ตอย่างใกล้ชิด กวาดล้างพฤติกรรมการผูกขาดตลาด ส่งเสริมการแข่งขันที่ยุติธรรม และป้องกันการขยายทุนอย่างไร้ระเบียบ

คำเตือนของประธานาธิบดีสี และนโยบายกวาดล้างพฤติกรรมการผูกขาดตลาดอย่างเอาจริงเอาจังของจีน ทำให้บริษัทเทคโนโลยีจีนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดาวจรัสแสงในระบบเศรษฐกิจ สูญเสียสถานะที่เคยโดดเด่นเป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจ และทำให้ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นบริษัทเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างหนัก

มูลค่าทางการตลาดของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน10แห่ง ที่รวมถึง อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง และเทนเซนต์ โฮลดิงส์ ดิ่งลงคิดเป็นมูลค่ากว่า 800,000 ล้านดอลลาร์หรือเกือบ 30% จากที่เคยพุ่งทะยานสูงสุดในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

มูลค่าทางการตลาดของอาลีบาบา เทนเซนต์ เหม่ยถวน และเจดีดอทคอม ซึ่งจดทะเบียนในฮ่องกงปรับตัวร่วงลงประมาณ 20% จากเมื่อวันที่ 17 ก.พ.มีมูลค่าโดยรวมอยู่ที่ 13.5 ล้านล้านฮ่องกง (17,400 ดอลลาร์) ลดลงจาก 5.1 ล้านล้านดอลลาร์ฮ่องกง

ส่วนมูลค่าทางการตลาดของ“พินตัวตัว”, เว็บไซต์สืบค้นข้อมูล“ไป่ตู้”, แพลตฟอร์มให้บริการทางการเงิน“ ลูแฟ็กซ์”, “บิลิบิลิ” เว็บไซต์วิดิโอสตรีมมิง และ“เน็ตอีสต์”แพลตฟอร์มเกม ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ ปรับตัวลงประมาณ 150,00 ล้านดอลลาร์

การกำกับพฤติกรรมผูกขาดตลาดเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับบรรดาผู้เล่นรายอื่นๆของรัฐบาลจีน รวมถึงการกำกับควบคุมเรื่องการใช้ข้อมูลและอัลกอริธึ่มของบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่เพื่อครอบงำตลาด

ไม่ให้มีการกำหนดราคาสินค้าและบริการตามใจชอบ และจะไม่ให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีสิทธิ์ในการกำหนดช่องทางการขายของผู้ค้า เช่น จำกัดให้ขายผ่านแพลตฟอร์มของอาลีบาบา หรือเจดีดอทคอมแต่เพียงรายเดียว